สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงประเทศที่น่าสนใจ หรือเหมาะสำหรับการลงทุนนะครับ ต้องบอกก่อนว่าถ้าอยากเข้าใจเนื้อหานี้อย่างลึกซึ่งต้องไปอ่านตอนที่ 1 และดูคลิปที่ผมแนะนำไว้ของคุณ Ray Dalio ก่อนจะเป็นการดีมากครับ(ในบทความเรื่อง My view in economic of Thailand คลิกที่นี่) ถ้าเช่นนั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า โดยในส่วนของตอนนี้นั้นผมจะยังไม่เจาะลงไปถึงตัวภาคธุระกิจที่น่าสนใจแบบตอนที่ 1 แต่จะมาวิเคราะห์ถึงสถานที่ๆมีโอกาสเติบโตและมีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้าไปได้ ด้วยความรู้อันน้อยๆของผมผมคงมิสามารถประเมินอะไรได้มากมายหรอกนะดังนั้นผมขอเลือกแค่เขตการค้าเสรี AEC 10 ประเทศก็พอ. . .สำหรับผมแล้วคิดว่าโอกาสเติบโตของประเทศนั้นอยู่ที่การสร้างหนี้ครับ เพราะยิ่งหนี้ต่ำแสดงว่ายังมีโอกาสสร้างหนี้ได้อีกมาก และการสร้างหนี้หมายถึงอะไรหละ. . . ใช่ครับหมายถึงเม็ดเงินไงหละ หากกู้ยืมก็เท่ากับเรามีเงิน (ยืมเงินในอนาคตออกมาใช้) และเมื่อมีเม็ดเงิน รอบของเศรษฐกิจก็วิ่งได้ ดังนั้นหากจับจุดตรงนี้ก็เป็นที่น่าสนใจในการเข้าไปอยู่ระหว่างที่ประเทศกำลังสร้างหนี้และฉกฉวยเม็ดเงินนั้นมาให้ได้มากที่สุด เรามาดูกันเลยว่าในประเทศ Asean แต่ละประเทศมีหนี้สาธารณะกันเท่าไหร่
Debt(%) GDP(us dollar) Population(million)
1. Singapore 104.70 54,460 5.61
2. Malaysia 54.00 12,551 30.65
3. Vietnam 50.50 1,872 101.80
4. Philippines 45.05 2,692 5.61
5. Laos 44.48 1,657 7.01
6. Thailand 44.40 7,130 67.40
7. Cambodia 33.88 1,206 49.52
8. Myanmar 32.04 1,005 30.65
9. Indonesia 27.00 5,465 255.70
10. Brunei 2.30 36,855 0.42
ข้อมูลทั้งหมดได้มาจาก (ปี 2015)
1. http://www.tradingeconomics.com/country-list/government-debt-to-gdp
2. http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1387863536
3. http://statisticstimes.com/population/countries-by-population.php
อยากได้เพิ่มเติมท่านสามารถเข้าไปได้ตามลิงค์ที่ผมแนบไว้ให้ได้ครับ. . .จากข้อมูลที่หามาเราจะพบความสัมพันธ์ของทั้ง 3 ตัวแปลนั้นคือ หนี้สิน ,รายได้เฉลี่ย และจำนวนประชากร ประชากรมาก หนี้ต่ำ รายได้สูง ถ้าเราเจอประเทศแบบนี้ ผมบอกได้คำเดียวว่าควรจะรีบลงทุนให้ไวเลย แม้ว่า Brunei จะเกือบตรงตามที่ต้องการแต่ผมว่าเค้ารวยด้วยน้ำมันและตอนนี้ราคาน้ำมันดิ่งลงเหว แม้จะกลับตัวขึ้นมาได้นิดหน่อยและออกแนวทรงๆต่อไป จากการติดตามข่าวซึ่งคาดกันว่าราคาจะยังทรงไปอีกนานเพราะอุปทานที่มากจนล้นตลาดนั้นเอง และด้วยประชากรที่น้อยมากๆ ดังนั้นผมมองว่ายังไม่น่าสนใจ แต่ประเทศที่น่าสนใจที่สุดคือ Indonesia หนี้แค่ 27% รายได้ก็ไม่ได้ต่ำมากเรียกได้ว่าไล่ไทยมาติดๆ พร้อมทั้งประชากรที่มากที่สุดใน Asean ผมว่า Indonesia น่าสนใจเอามากๆเลยค่าจ้างก็ถูกกว่าแถมตลาดมีโอกาสเติบโตได้มากที่สุด เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ทยอยย้ายเข้าไปตั้งฐานการผลิตแล้วส่วนหนึ่ง (ย้ายหนีไปจากไทย)
พักหลังๆมานี้ผมพบว่าธุรกิจนั้นหาเงินได้ยากมากขึ้นเพราะครอบครัวผมก็ทำอาชีพค้าขาย และจากการเดินสำรวจของผมถึงย่านการค้าต่างๆในเชียงใหม่ก็พบว่ามีร้านมากมยต้องปิดตัวลง แม้แต่ธนาคารในห้างใหญ่เองก็ตาม เนื่องจากไม่มีผู้มาใช้บริการมากนัก ในทางกลับกันตามโลกอินเทอร์เน็ตกลับมีเซียนหุ้นโผล่มามากมาย
จากรูปจะเห็นว่าตลาดหุ้นนั้นตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 1,220 และเกิดการดีดกลับอย่างน่าตกใจ แม้แต่ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะดีดกลับได้ไวและแรงขนาดนี้ จน ณ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,507 ทั้งๆที่ไม่เห็นมีอะไรน่าเข้ามาลงทุนเลยจริงๆ 555 น่าแปลก แต่ก็คงเป็นการหนี้เข้ามาพักของเงินทุนต่างชาตินั้นแหละเนื่องด้วยประเด็นเศรษฐกิจโลดอย่าง การใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบชองญี่ปุ่น ต่อมีแนวโน้มอัด QE ตามมาในเร็วนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากมีหนี้สูงถึง 230% มากที่สุดในโลก ไหนจะ Brexit จนค่าเงินปอนด์ล่วงลงเหว และเมื่อวาน(5/8/2016) BoE ประกาศลดดอกเบี้ยเหลือ 1.25% จาก 1.50% แถมประกาศอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 5.4% จากเดิมที่ 4.9% เท่านั้นยังไม่พอประกาศเตรียมทำ QE อีก 6 หมื่นล้านปอนด์ ทำให้วงเงินรวมในการทำ QE อยู่ที่ 4.35 แสนล้านปอนด์ ( ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิกที่นี่ ) โอ้ยมีอีกเยอะแยะเลย ดังนั้นผมมองว่าที่ตลาดหุ้นมันกลับมาขึ้นทั้งๆที่ไม่น่าขึ้นนี่คงเป็นผลมาจากการหนี้ความผันผวนของตลาดเงินโลกตามที่ต่างๆ และสัญญาณของเงินเฟ้อก็มาพร้อมกัน ดู Facebook นี่ใครๆก็รวยด้วยหุ้น รวยด้วยตลาด Forex อย่างที่วิเคราะห์ไปในตอนก่อนว่าเจ้าตัวถั่วเหลืองก็นับเป็นุระกิจที่น่าสนใจมิใช่น้อย แต่ที่เรากำลังพูดคือภาพที่ใหญ่มากนั้นคือระดับอุตสาหกรรมเลยทีเดียวดังนั้นผมต้องหาธุระกิจบางอย่างที่ผมมีกำลังทรัพย์พอที่จะเปิดได้และมีแนวโน้มเติบโตในอนาคตได้ ไอ้ตัวน้ำเต้าหู้จัดเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพียงแต่ว่าการไปแย่งส่วนแบ่งตลาดรายย่อยนั้นค่อนข้างทำได้ยากเพราะไม่ว่าจะขยับไปทางไหนร้านก็แทบจะชนกันอยู่แล้วดังนั้นโอกาสที่ผมจะดึงเม็ดเงินจากตรงนี้ก็ค่อนข้างจะยากเอาการเลยทีเดียว ประกอบกับเป็นสินค้าอาหารที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้นานทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเสื่อมเสียได้ในกรณีที่ทำการจำหน่ายไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ตัดทิ้งเสียทีเดียวเพียงแต่เราต้องมองหลายด้าน แต่ยังคงซึ่งแนวทางเดิม เพื่อเพิ่มมุมมองและโอกาสทางธุระกิจที่มากขึ้นไปอีก แม้สักนิดก็ยังดี เอาเป็นว่าตอนหน้าจะมาลงลึกถึงทางเลือกอื่นๆที่ผมมองไว้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น