" ทำให้เค้ารู้ว่าปัจจุบันคัญมากกว่า มีแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้ "
จากการ์ตูนเรื่อง Kaze no stigma นี่เป็นบทพูดหนึ่งเพื่อเตือนให้นางเอกช่วยพระเอกที่กำลังบ้าคลั่งเพราะยึดติดกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา แล้วไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง และไม่ยอมปล่อยมันออกไปจากใจเสียที มาคิดดูแล้วคล้ายกับชีวิตผมนะ . . . ผมว่าทุกคนคงเคยมีความรัก และรักแรกของผมเกิดขึ้นตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ตอนนั้นผมเป็นเด็กเรียนคนหนึ่งที่เอาแต่เรียนและได้คะแนนดีเป็นอันดับต้นๆของห้องเวลาว่างของผมหมดไปกับการเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆ ไม่เคยมีเรื่องความรักอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย คุณรู้มั๊ยวันหนึ่งเป็นช่วงบ่ายหลังเปิดเรียนเทอม 2 ได้ไม่นาน จำได้ว่าพึ่งเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เสร็จ ผมหันไปกลางห้องและเห็นเพื่อนสาวคนหนึ่งยกมือบิดขี้เกรียจ พร้อมกับอ่าปากหาวแบบสุด -..- อยู่ๆความรู้สึกก็พรั่งพลูเข้ามา ไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี่มันคืออะไรผมก็ไม่แน่ใจนักหรอก นี่แหละมั้งที่เค้าเรียกความประทับใจแรกพบ ถึงแม้ว่าจะได้เจอหน้ากันเป็นประจำอยู่แล้วอะนะ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป จะว่าไปแล้วเธอเป็นคนที่เรียบร้อยมาก พูดน้อยค่อนข้างเงียบและเอาแต่เรียนเช่นเดียวกันกับผม ช่างไม่เป็นที่น่าดึงดูดเอาเสียเลย 555 ตั้งแต่นั้นผมเริ่มแอบมอง ผมหลงรักเธอมากขึ้นทุกวันทั้งน่ารัก อ่อนหวาน
รอยยิ้มของเธอสดใสและบริสุทธิ์ ติดตรงเสียงพูดนิดหน่อยเพราะเสียงแหลมจบแสบหูเลยหละ O_o ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าและเริ่มเข้าไปคุยกับเธอ ผมเอาขนมให้เธอจนเราก็คุยกันมากขึ้น ผมเดินไปส่งเธอที่รอรถตอนเย็น ก็นะรักใสๆในวัยเด็ก แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า เอาเป็นว่ามันคือความรู้สึกดีๆที่มีให้กันของเด็กๆ ไม่ได้เข้าใกล้คำว่าแฟนหรอกแต่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วหละ. . .ในที่สุดการปิดเทอมก็พลากผมให้จากกับเธอ จนขึ้น ม.3 เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ผมไม่ได้ไปสานความสัมพันธ์ต่อและเธอก็เปิดตัวแฟนสุดหล่อในไม่ช้า T_T พอขึ้น ม.4 ไม่รู้อะไรแกล้งกัน ผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอและต้องอยู่กับเธอจนจบ ม.6 ในตอนนั้นเองเธอเลิกกับแฟน
อ่าาาาโอกาสมาแล้ว แต่สุดท้ายก็มีไอ้หน้าหล่ออีกคนเข้ามาและครองใจเธอไปได้ ตลอดเวลาที่มาเรียนผมต้องเห็นเค้ารักกัน หวานใส่กัน นอนหนุนตัก และอื่นๆอีกมากมาย แต่คุณเชื่อมั๊ยถ้าเรารักใคร แล้วเห็นเค้ามีความสุขเราก็เป็นสุขไปด้วย. . . (สุขแค่ส่วนหนึ่งนะไม่ทั้งหมดแน่นอน 555) ทั้งคู่คบกันได้ 5 ปีและเลิกกันเพราะไอ้บ้านั้นไปมีคนอื่น ไม่นานเธอก็มีแฟนอีคนพอเรียนจบ ป.ตรี ปุบเธอก็แต่งงานกับคนนี้เลย คนล่าสุดนี้เป็นรุ่นพี่ ผมเดาว่าอายุน่าจะอยู่ในช่วง 27 - 32 ปี ที่ผมเล่ามาทั้งหมดเพียงจะบอกว่า ตั้งแต่วันนั้นมาผมไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย เธอเอาใจผมไปทั้งหมด แม้ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเธอจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่นั้นมีความหมายกับผมมาก มาคิดๆดูแล้วตอนนี้ผ่านมา 7 ปี มีผู้หญิเข้ามาหาผมอยู่บ้างเช่นกัน แต่ผมไม่เคยเปิดรับใครเลย. . . ผมว่าเค้าคงลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำ อาจจะจำไม่ได้เลยว่าตอน ม.2 เราเคยคุยอะไรกันบ้าง อาจจะจำไม่ได้เลยว่าทุกวันเกิดของเธอผมทำอะไรไว้บ้าง มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งที่ผมทำร้ายเค้าไป ตอนนั้นอยากจะเปิดใจรับใครสักคน คงเนื่องด้วยความเงียบเหงาของผมเอง ผมคุยกับเธออยู่หลายเดือนและสุดท้ายผมก็แค่หยุดไปเฉยๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ ไม่ได้คุยหลายคนหรืออะไรเลย ผมแค่คาดหวังให้เธอที่ผมกำลังคุยเป็นเหมือนกับรักแรกของผม แต่เธอไม่ใช่. . .ผมนี่มันแย่จริงๆ รู้แหละว่าอาจทำให้เค้าเจ็บปวด แต่ ณ ตอนั้นผมไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกเธอเลย ผมพลาดคนที่ดีไปอีกคน และอีกหลายๆครั้งที่ผมคาดหวังว่าผู้หญิงที่ผมคุยว่าจะเหมือกันกับรักแรกของผม จนตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ปัจจุบันนั้นสำคัญมากกว่าจริงๆ อย่าปล่อยให้ความสุขในอดีตมาเป็นตัวชี้วัดว่าเราจะต้องเจอ จะต้องได้แบบนั้นเสมอไป ยอมรับและเข้าใจ นั้นทำให้ผมมีมุมมองต่อหลายๆเรื่องกว้างขึ้น มิใช่แค่กับเรื่องของความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และความดีนี้เป็นใครไม่ได้นอกเสียจากตัวของผมเองที่สามารถทบทวนและคิดจนมองเห็นได้
รอยยิ้มของเธอสดใสและบริสุทธิ์ ติดตรงเสียงพูดนิดหน่อยเพราะเสียงแหลมจบแสบหูเลยหละ O_o ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าและเริ่มเข้าไปคุยกับเธอ ผมเอาขนมให้เธอจนเราก็คุยกันมากขึ้น ผมเดินไปส่งเธอที่รอรถตอนเย็น ก็นะรักใสๆในวัยเด็ก แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า เอาเป็นว่ามันคือความรู้สึกดีๆที่มีให้กันของเด็กๆ ไม่ได้เข้าใกล้คำว่าแฟนหรอกแต่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วหละ. . .ในที่สุดการปิดเทอมก็พลากผมให้จากกับเธอ จนขึ้น ม.3 เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ผมไม่ได้ไปสานความสัมพันธ์ต่อและเธอก็เปิดตัวแฟนสุดหล่อในไม่ช้า T_T พอขึ้น ม.4 ไม่รู้อะไรแกล้งกัน ผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอและต้องอยู่กับเธอจนจบ ม.6 ในตอนนั้นเองเธอเลิกกับแฟน
อ่าาาาโอกาสมาแล้ว แต่สุดท้ายก็มีไอ้หน้าหล่ออีกคนเข้ามาและครองใจเธอไปได้ ตลอดเวลาที่มาเรียนผมต้องเห็นเค้ารักกัน หวานใส่กัน นอนหนุนตัก และอื่นๆอีกมากมาย แต่คุณเชื่อมั๊ยถ้าเรารักใคร แล้วเห็นเค้ามีความสุขเราก็เป็นสุขไปด้วย. . . (สุขแค่ส่วนหนึ่งนะไม่ทั้งหมดแน่นอน 555) ทั้งคู่คบกันได้ 5 ปีและเลิกกันเพราะไอ้บ้านั้นไปมีคนอื่น ไม่นานเธอก็มีแฟนอีคนพอเรียนจบ ป.ตรี ปุบเธอก็แต่งงานกับคนนี้เลย คนล่าสุดนี้เป็นรุ่นพี่ ผมเดาว่าอายุน่าจะอยู่ในช่วง 27 - 32 ปี ที่ผมเล่ามาทั้งหมดเพียงจะบอกว่า ตั้งแต่วันนั้นมาผมไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย เธอเอาใจผมไปทั้งหมด แม้ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเธอจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่นั้นมีความหมายกับผมมาก มาคิดๆดูแล้วตอนนี้ผ่านมา 7 ปี มีผู้หญิเข้ามาหาผมอยู่บ้างเช่นกัน แต่ผมไม่เคยเปิดรับใครเลย. . . ผมว่าเค้าคงลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำ อาจจะจำไม่ได้เลยว่าตอน ม.2 เราเคยคุยอะไรกันบ้าง อาจจะจำไม่ได้เลยว่าทุกวันเกิดของเธอผมทำอะไรไว้บ้าง มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งที่ผมทำร้ายเค้าไป ตอนนั้นอยากจะเปิดใจรับใครสักคน คงเนื่องด้วยความเงียบเหงาของผมเอง ผมคุยกับเธออยู่หลายเดือนและสุดท้ายผมก็แค่หยุดไปเฉยๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ ไม่ได้คุยหลายคนหรืออะไรเลย ผมแค่คาดหวังให้เธอที่ผมกำลังคุยเป็นเหมือนกับรักแรกของผม แต่เธอไม่ใช่. . .ผมนี่มันแย่จริงๆ รู้แหละว่าอาจทำให้เค้าเจ็บปวด แต่ ณ ตอนั้นผมไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกเธอเลย ผมพลาดคนที่ดีไปอีกคน และอีกหลายๆครั้งที่ผมคาดหวังว่าผู้หญิงที่ผมคุยว่าจะเหมือกันกับรักแรกของผม จนตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ปัจจุบันนั้นสำคัญมากกว่าจริงๆ อย่าปล่อยให้ความสุขในอดีตมาเป็นตัวชี้วัดว่าเราจะต้องเจอ จะต้องได้แบบนั้นเสมอไป ยอมรับและเข้าใจ นั้นทำให้ผมมีมุมมองต่อหลายๆเรื่องกว้างขึ้น มิใช่แค่กับเรื่องของความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และความดีนี้เป็นใครไม่ได้นอกเสียจากตัวของผมเองที่สามารถทบทวนและคิดจนมองเห็นได้
ท้ายที่สุดนี้ผมคิดว่าทุกๆคนย่อมต้องมีเรื่องราวในอดีตที่อยู่ในความทรงจำอยู่เช่นกันไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุขก็ตามแต่ อย่ามัวแต่จมอยู่กับอดีตจนลืมปัจจุบัน อย่ารอให้ใครเรียกให้หลุดจากห้วงความทรงจำนั้นเพราะ
" มีแค่คุณเท่านั้นที่ทำได้ "
" มีแค่คุณเท่านั้นที่ทำได้ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น