ความทะนงตนบอกว่า “มันเป็นไปไม่ได้หรอก”ประสบการณ์บอกว่า “มันเสี่ยงนะ”เหตุผลบอกว่า “มันไร้ประโยชน์”หัวใจกระซิบว่า “ลองทำดูเถอะ”ผมเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม น่าจะเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูแบบนั้นมาตั้งแต่เป็นเด็ก คือตอนเป็นเด็กนั้นในช่วงปิดเทอมพอตื่นขึ้นมาพ่อแม่ก็ออกไปทำงานกันแล้ว(ประมาณ 8 โมงเช้า)พี่สาวผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยและนอนหอในมหาวิทยาลัย กว่าพ่อแม่จะกลับก็เย็นจนดึกแล้วแต่วัน ดังนั้นชีวิตของผมส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านคนเดียวและน่าแปลกนะที่ผมก็ไม่ออกไปไหนเลย ไม่ไปเล่นกับเด็กๆในหมู่บ้าน จนเพื่อนๆผมที่โรงเรียนถามเหมือนกันว่าไม่เหงาเหรอตลอดปิดเทอมไม่ออกบ้านเลย ผมไม่รู้จะตอบยังไงแต่ผมชอบการอยู่คนเดียวเอามาก อาจจะเป็นเพราะเคยชินไปแล้วก็เป็นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่มีเพื่อนเลยนะ ผมมีเพื่อนสนิทอยู่มากแต่ปัญหาคือผมไม่ชอบงานหรือสถานที่ๆคนเยอะ โดยเฉพาะรถติดบนท้องถนนมันทำให้ผมหงุดหงิดและรู้สึกโกรธมาก ดังนั้นตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมตื่นตี 4 มาวิ่งออกกำลังกายและออกเดินทางไปมหาวิทยาลัยตอนช่วง 5.30 - 6.00 เพราะไม่มีรถมาก ผมเลือกกินข้าวตอนที่คนน้อยๆ เลือกเข้าห้องสมุดตอนคนน้อยๆ ไม่ว่าทำอะไรก็แล้วแต่ผมเกลียดฝูงชน เกลียดที่ๆมีคนเยอะๆมันทำให้ผมหงุดหงิดและอารมณ์เสีย ซึ่งผมรู้ดีว่ามีความผิดปกติและน่าจะเป็นอาการทางจิตแต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ข้อเสียอะไร ผมมีความสุข ผมมีเพื่อนสนิทถึงแม้จะน้อยแต่ก็คบกันมานานมาก(ตอนนี้ก็ 8 ปีแล้ว) ผมแฮปปี้กับชีวิตดี ที่เป็นอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วแต่ผมคิดผิด . . . ผมว่าจิตใจผมมันคงถึงขีดสุดแล้วเพราะอยู่มาวันหนึ่งตอนปิดเทอมมหาวิทยาลัยปีที่ 3 ผมอยู่ที่บ้านตามเคยเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะมันเหงาแบบสุดๆ ความเงียบ การอยู่คนเดียว มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จุดเปลี่ยนจึงได้เริ่มขึ้นเมื่อผมไปฝึกงานตอนปีที่ 4 ที่จังหวัดสมุทรสาคร . . . ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย และเช้าวันหนึ่ง (วันหยุดไม่ต้องไปทำงาน) ผมออกไปวิ่งตอนตี 4 จนถึง 6 โมงเช้าเหมือนเช่นเคยแต่ครั้งนี้ผมเปลี่ยนเส้นทางเพราะอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงท่าเรือผมจึงแวะซื้อขนมปังร้านหนึ่ง (เปิดขายไวมาก 5.30 เค้าก็เปิดร้านแล้ว) ผมไปนั่งกินขนมปังที่ท่าเรือดูพระอาทิตย์ขึ้น สักพักผมเหลือบไปเห็นป้ายรับบริจาคเลือดโดยโรงพยาบาลใหจังหวัด เค้ามารับบริจาคเลือดที่สวนสาธารณะแถวๆนั้นผมไม่คิดอะไรก็เดินไปลงชื่อและบริจาคเลือดไป -..- พอกำลังจะกลับผมเหลือบไปเห็นป้ายงานเทศกาล "ปลาทูอร่อย ท่าฉลอม" ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานผมเลยเดินขึ้นเรือไปงานเทศกาล (คือมันต้องข้ามฟากจากฝั่งที่ผมอยู่เพื่อไปท่าฉลอมหนะ) ผมเดินเที่ยวในงานไม่นานก็มีเรือประมงมาแถวๆนั้นเค้าบอกว่าเค้าจะพาออกไปปากอ่าวไทยไปดูปลาโลมาอิรวดา จำไม่ได้ว่าเก็บเงินเท่าไหร่น่าจะ 200 มั้ง ผมไม่ได้คิดอะไรจ่ายเงินและกระโดดขึ้นเรือไปกับเค้าเฉยเลย 555
![]()
![]()
ออกไปบ่ายกลับถึงฝั่งเย็นๆ โครตคุ้ม -..- แล้วก็ได้เห็นโลมาจริงๆด้วยนะแต่กล้องมือถือของผมก็ไม่สามารถจับภาพเอาไว้ได้ 555 ขณะกำลังเดินกลับหอผมก็ไปเจอกับร้านไอศครีมในตำนานของที่นั้นก็เลยแวะชิม มันก็แปลกดีนะเพราะเอาเอาไข่ดิบมาใส่ลงไปด้วย (เฉพาะไข่แดง) น่าแปลกที่มันไม่คาวแฮะ จากนั้นผมก็กลับหอเปิดประตูห้องเข้าไปปุบ "ไอ้สัสมึงหายไปไหนมาทั้งวันวะ"และก็โดนเพื่อนด่าใหญ่เลย เพราะพวกมันโทรมาแล้วผมไม่ได้รับสาย. . . ตลอดทั้งวันผมใส่เสื้อกล้าม กางเกงกีฬา และรองเท้าวิ่ง 555 ตลกเป็นบ้าไปแม่งทุกที่อะ แต่คุณรู้มั้ยว่ามันเปลี่ยนชีวิตผม ถ้าเป็นผมคนก่อนคงไม่แม้แต่จะไปกินขนมปังที่ท่าเรือ หรือถึงไปกินตัวผมคนเก่าก็จะไม่ไปเที่ยวงานที่คนเยอะแบบนั้น หรือถึงไปงานตัวผมคนเก่าก็จะไม่ขึ้นเรือออกไปอ่าวไทย และเช่นกันตัวผมคนเก่าจะไม่นั่งทานไอศครีมชื่อดังร้านนั้น ตลอดทั้งวันผมแค่ "ทำตามหัวใจ" ผมไม่ได้คิดอะไรเลย แค่ปล่อยไปตามที่ใจอยาก มันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยตลอดชีวิตของผม และนั้นทำให้ผมเริ่มที่จะเปลี่ยน จากเดิมผมเกลียดกิจกรรมคณะและไม่เคยเข้าร่วมเลยสักครั้งเพราะคนมันเยอะ และไม่สร้างสรรค์เท่าไหร่ แต่. . .พอเปิดใจแค่ลองไปดู ผมไปเดินขึ้นดอยสุเทพกับเพื่อน ผมเริ่มเข้าสังคมไปงานกิจกรรมต่างๆ ผมลองไปงานเลี้ยงลาตอนจบปี 4 ซึ่งทุกคนอึ้งกันหมด เพื่อนผมคนหนึ่งเดินมาตบบ่าผมและบอกกับผมว่า "กูดีใจนะที่มึงมา มึงเปลี่ยนไปจริงๆ และกูชอบมึงในตอนนี้มาก"
ผมเริ่มแบกเป้เที่ยว ไปลาวเจอเพื่อนใหม่เพียบและกินเหล้าเป็นครั้งแรก ,ไปญี่ปุ่นคนเดียวโดนโขมยกระเป๋าตังค์ 555 ไปเดินขึ้นเขาเจอเพื่อนสาวฝรั่งชาวรัสเซีย ไปตกปลา ไปว่ายน้ำกับเพื่อน ไปคอนเสริต ไปดูละครเวที ชวนสาวไปงานไม้ดอกไม้ประดับ และอื่นๆอีกมากมาย
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
ถ้าหากเป็นผมคนเดิมคงไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้แน่ๆ จะไม่มีรูปถ่ายเหล่านี้ จะไม่มีความทรงจำพวกนี้ และคงน่าเสียดายหากผมพลาดมันไป. . .อยากฝากถึงใครก็ตามที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ หากคุณปิดใจ หวาดกลัว ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คุณอาจจะพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไปก็ได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่เริ่มเปลี่ยนตัวเอง ผมเริ่มเข้าสังคม ผมเริ่มหัดใส่ใจความรู้สึกของผู้คนรอบข้าง ผมเริ่มเรียนรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้ตอนแรกจะหวาดกลัวผมคิดว่ามันไร้สาระ ผมคิดว่าที่เป็นอยู่มันก็ดีแล้ว คิดว่าหลายสิ่งผมไม่สามารถทำได้หรอก หากคุณเป็นหนึ่งในนั้นที่มีปัญหา เชื่อผมเถอะลองหาเวลาว่างให้ตัวเองสักวัน ปิดคอม ปิดมือถือ ออกไปหาอะไรใหม่ๆทำดู ไม่แน่อาจจะมีจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในนั้น ^^ท้ายที่สุดนี้ผมเชื่อว่าหลายครั้งที่เราต่างมีปัญหาเข้ามาในชีวิต คุณเคยสังเกตบ้างไหมว่ายิ่งเติบโตไปเราต่างกลัวที่จะต้องทำสิ่งแปลกใหม่มากขึ้น เรากลัวที่จะแตกต่าง กลัวความผิดพลาดล้มเหลว ในบางครั้งเรากลัวแม้กระทั่งความฝันของตัวเอง ยิ่งเติบโตเราเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ทำให้เรารู้ว่าควรทำตัวอย่างไรให้ปลอดภัย แต่ปัญหาที่เข้ามาในชีวิตของแต่ละคนนั้นถูกจัดการด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป บางคนกลัวและไม่กล้าลงมือทำ ในขณะที่บางคนเชื่อเสียงของหัวใจ. . . . ใช้ชีวิตให้มีความสุขครับทุกท่าน ชีวิตท่านท่านเลือกเอง . . . .
หัวใจกระซิบว่า “ ลองทำดู ”
เกี่ยวกับผู้เขียน
Blog นี้เป็นบันทึกส่วนตัว อ่านไปอย่าบ่น
Popular Posts
-
พระเจ้านี่คือ anime ที่ผมตามหามาแสนนาน ประทับใจจนเสียดายไม่อยากให้จบเลยจริงๆ ประทับใจมากถึงมากที่สุด สำหรับเรื่องนี้ผมจะไม่เล่าเรื...
-
Warren Buffett นักลงทุนชื่อดังบอกกล่าวว่าสนใจในการลงทุนในธุรกิจสายการบิน หลังจากที่เคยมองว่ามันเป็นธุรกิจที่ไม่น่าลงทุน (a death trap)...
-
Riccio Investment คลิปงานสัมนาของกองทุน Riccio โดยพูดถึงเรื่อง Global Macro และ Quantitative Trading จัดเป็นความรู้ที่สำคัญมากๆ...
-
เมะคู่เกย์ไอ้สัส ทั้งเรื่องแม่งมี 2 คน เปิดเรื่องมาเหมือนจะดูดี ไปๆมาๆไม่มีสาระใดๆเลย แถมตัวละครน่าเบื่อมาก โดยเฉพาะตัวน้องชายโครต...
-
พึ่งมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้ ตอนแรกไม่คิดว่าจะดูหรอกนะแต่ก็อยากหา anime แนวใหม่ๆดูบ้างเพราะแนวนักเลง มาเฟียแบบนี้ไม่ค่อยมีให้ได้ดูกัน...
-
ชื่อภาษาไทยคือ " ห้องเรียนลอบสังหาร " แค่ชื่อก็น่าดูแล้วครับ กระแสค่อนข้างดีเลยเรื่องนี้ผมไม่รอช้าที่จะหยิบมาดูและมันก็ ...
-
แรกเริ่มมนุษย์มีแนวคิดที่ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติดังจะเห็นจากงานเขียนของ "อิมมานูเอล คานส์" [ Immanuel Kant ] ในหนังสือ ...
-
Wiffle Ball เป็นกีฬาที่ผมพึ่งรู้จัก ตอนแรกผมคิดว่าเป็น Baseball ซะอีกก็ยังงงๆว่าเค้าขว้างลูกกันได้ขนาดนี้เชียวเหรอ พอสืบหาข้อมูล...
-
เรื่องนี้บอกก่อนว่าผมไม่คิดจะดูเลยนะ แต่เพื่อนผมมันแนะนำอยู่นั้นแหละ อีกอย่างนัก Review ที่ผมตามเค้าก็แนะนำจึงได้ลองหยิบมาดู สำหรับเรื่...
-
เรื่องนี้ไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่แต่ไปเห็นคอมเมนต์หนึ่งในแนวทำนองว่าเศร้า ผมก็แปลกใจว่ามันจะมีอะไรให้เศร้าวะเรื่องแบบนี้เลยเลือกหยิบม...
Worrakorn_Kingman. ขับเคลื่อนโดย Blogger.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น