Always with Me

เศรษฐกิจไทยในอนาคต 5

หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูล โดยวิธีเดิมๆคือการอ่านข่าวและตัวเลขต่างๆ

เพราะผมเชื่อว่ามันสะท้อนให้เห็นถึงภาพจริงของระบบเศรษฐกิจ

วันนี้ผมอยากพูดถึงตัวที่ผมให้ความสนใจมากที่สุดนั้นคือ "NPL หรือหนี้เสีย"

ที่มีทีท่าว่าจะเพิ่มมากขึ้นๆในทุกๆวัน . . . .

ข้อมูลจาก https://www.bot.or.th

อย่างที่ Ray Dalio บอก โลกเรามันกู้ยืมกันเยอะ เงินที่หมุนๆอยู่ในระบบและคอยขับเคลื่อนส่วนใหญ่นั้นเป็นเงินจากการกู้ยืมทั้งนั้น

เพราะคนมันขี้เกียจไงหละ!!! แทนที่จะตั้งใจทำงานหามาได้เท่าไหร่ใช้เท่านั้น (Productivity) แต่มันไม่ทันใจ คนมันเลยกู้ยืมกันเยอะ

ทีนี้เป็นไงหละ พอถึงรอบที่ต้องใช้คืน ระบบก็เริ่มชะลอตัว ซ้ำร้ายบางคนกู้ยืมมาแบบไม่เกิดประโยชน์ ไม่ได้เกิด Productivity แถมยังไม่รู้อีกว่าไอ้พวกฝรั่งมันดึง Productivity บ้านเราออกไปเท่าไหร่ เม็ดเงินมันถึงได้หายไปอย่างที่บอกไปใน 4 ตอนที่ผ่านมา

ในอีกนัยหนึ่งการกู้ยืมก็เป็นตัวบอกสภาพความเป็นอยู่ของประชากรได้เป็นอย่างดี?

กล่าวคือถ้าเศรษฐกิจดี การกู้ยืมจะสูงเพราะใครๆก็ต่างต้องการลงทุนมันก็จะเกิดเงินเฟ้อ รัฐขึ้นดอกตามสูตร รอบของเงินลดลงประกอบกับถึงตอนที่ต้องใช้หนี้คืน จนในที่สุดก็เกิดเงินฝืด รัฐก็ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายและกู้ยืมใหม่อีกครั้ง วนเป็นรอบๆไป 

แต่ในทุกๆรอบที่ปรับ ขึ้น - ลด ดอกเบี้ย หนี้ไม่เคยถูกใช้จนหมด ดังนั้นมันจะค่อยๆพอกขึ้นไปทีละน้อย

via GIPHY

หากท่านไม่เข้าใจ เอาง่ายๆ ท่านกู้เงินมาซื้อบ้านยังไม่ทันจะผ่อนหมด กู้มาซื้อรถยนต์ต่อ บางทีรูดบัตรซื้อมือถือ ทีวี ตู้เย็น เพิ่มอีก . . .

ทีนี้คงเข้าใจคำว่า "หนี้ไม่เคยถูกใช้จนหมดแล้วใช้มั๊ยครับ?

สุดท้ายหนี้ที่พอกๆไว้ก็เยอะจนใช้ไม่ทัน และก็จะเริ่มเกิดการเบี้ยวหนี้ จากนั้นก็เป็นผลกระทบตามๆกันมา สะท้อนให้เห็นในตัวเลขหนี้เสียหรือNPL ที่กล่าวไปข้างต้น

ปัจจุบันจะแตะที่ 3% อยู่แล้ว . . .ฟังดูน้อยนะแค่ 3% เอง เอาแค่ที่แบงก์ชาติบอกมาว่าเฉพาะหนี้จาก SME ก็ปาเข้าไป 2 แสนล้านแล้ว ไหนจะลูกค้ารายใหญ่อีก (ลูกค้ารายใหญ่ผมเคยโพสไปแล้วในบทความเก่าไปหาอ่านได้)

สรุปตอนนี้มี NPL เกือบ 4 แสนล้านบาท อ่าน

ทีนี้เรามาแยกดู NPL แต่ละประเภทกันดีกว่า


1.การผลิต

2. การก่อสร้าง

3. การค้า



4. การเงิน


5. ที่อยู่อาศัย


6. อื่นๆ



ท่านจะเห็นได้ว่าหนี้ตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาศ 3 ของปีนี้ ในภาคการก่อสร้างและที่อยูอาศัยนี่มาแรง คล้ายๆช่วง 2007 เลย (subprime mortgage crisis)

แต่ที่โหดสุดก็ในภาคของการเงินแล้วหละทะลุไปราว 240% O_o

คงพูดมากเรื่องนี้ไม่ได้นักเพราะผมไม่มีความรู้อะไรเท่าไหร่ ก็แค่นั่งดูผลที่เค้ารายงานมา ซึ่งท่านก็เห็นๆกันอยู่ หากตามข่าวจะพบว่ามีการปิดตัวลงและการขาดทุนมากมาย

ผมรวบรวมมาให้นิดหน่อย . . . .

คลื่นวิทยุดัง (Seed 97.5) หรือ
นิตยสารหลายฉบับ (อ่าน1 ,อ่าน2)
สื่อทีวีเองก็ขาดทุนยับ (อสมท.)
บริษัทเกี่ยวกับเหล็ก (อ่าน)
ธุรกิจการเดินเรือ (อ่าน)
บริษัทเครื่องดื่มชื่อดังยังล่วง (อ่าน)

มีอีกเยอะไปหาอ่านกันเองเน้อ ถ้าไม่ตาบอดก็คงเห็น -..-

ถ้าใครยังเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งและมั่นคงก็สุดแล้วแต่นะ!!! แต่ท่านต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกๆด้าน การหวาดกลัวเกินไปก็ไม่ดีเพราะจะเสียโอกาสได้

โดยส่วนตัวผมก็หนีเงินบาทมาได้พักหนึ่งละโดยการเปลี่ยนมาถือหลายสกุลเงินทั้ง EUR และ USD


ก็เกือบล้านอยู่ และกำลังคิดว่าจะถือ AUD เพิ่มอีกสักหน่อย

ใจจริงศึกษาตลาด Forex มานานมาก 5 ปีได้ละ แต่ยิ่งศึกษายิ่งไม่กล้าเล่น ทั้งๆที่ปั้น Demo เล่นมามากมายแล้ว แต่ผมคิดว่าถือเงินสดนี่แหละผมนอนหลับแล้วสบายใจดี ^^

ท้ายที่สุดนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากพูดเช่น เงินเฟ้อทางเทคนิคที่พี่ต้านพูด ตัวเลขการว่างงาน การเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์ที่จะมาแทนแรงงานคน แนวโน้มธุรกิจ และการเคลื่นที่ของเม็ดเงิน แต่ผมต้องไปทำงานแล้ว ไว้จะพยายามทยอยเขียนให้เร็วที่สุดนะครับ

ปล. มีอยู่บรรทัดหนึ่งที่ผมบอกว่า  "NPL สะท้อนถึงสภาพความเป็นอยู่ของประชากร" ต้องขอโทษจริงๆ ไว้โอกาสหน้าผมจะมาขยายความของคำพูดนี้ แต่ ณ ตอนนี้ต้องไปทำงานแล้ว 555


โอกาสมีเสมอ

ชีวิตท่าน ท่านเลือกเอง


Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น