เพราะผมเชื่อว่ามันสะท้อนให้เห็นถึงภาพจริงของระบบเศรษฐกิจ
วันนี้ผมอยากพูดถึงตัวที่ผมให้ความสนใจมากที่สุดนั้นคือ "NPL หรือหนี้เสีย"
ที่มีทีท่าว่าจะเพิ่มมากขึ้นๆในทุกๆวัน . . . .
ข้อมูลจาก https://www.bot.or.th
อย่างที่ Ray Dalio บอก โลกเรามันกู้ยืมกันเยอะ เงินที่หมุนๆอยู่ในระบบและคอยขับเคลื่อนส่วนใหญ่นั้นเป็นเงินจากการกู้ยืมทั้งนั้น
เพราะคนมันขี้เกียจไงหละ!!! แทนที่จะตั้งใจทำงานหามาได้เท่าไหร่ใช้เท่านั้น (Productivity) แต่มันไม่ทันใจ คนมันเลยกู้ยืมกันเยอะ
ทีนี้เป็นไงหละ พอถึงรอบที่ต้องใช้คืน ระบบก็เริ่มชะลอตัว ซ้ำร้ายบางคนกู้ยืมมาแบบไม่เกิดประโยชน์ ไม่ได้เกิด Productivity แถมยังไม่รู้อีกว่าไอ้พวกฝรั่งมันดึง Productivity บ้านเราออกไปเท่าไหร่ เม็ดเงินมันถึงได้หายไปอย่างที่บอกไปใน 4 ตอนที่ผ่านมา
ในอีกนัยหนึ่งการกู้ยืมก็เป็นตัวบอกสภาพความเป็นอยู่ของประชากรได้เป็นอย่างดี?
กล่าวคือถ้าเศรษฐกิจดี การกู้ยืมจะสูงเพราะใครๆก็ต่างต้องการลงทุนมันก็จะเกิดเงินเฟ้อ รัฐขึ้นดอกตามสูตร รอบของเงินลดลงประกอบกับถึงตอนที่ต้องใช้หนี้คืน จนในที่สุดก็เกิดเงินฝืด รัฐก็ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายและกู้ยืมใหม่อีกครั้ง วนเป็นรอบๆไป
แต่ในทุกๆรอบที่ปรับ ขึ้น - ลด ดอกเบี้ย หนี้ไม่เคยถูกใช้จนหมด ดังนั้นมันจะค่อยๆพอกขึ้นไปทีละน้อย
หากท่านไม่เข้าใจ เอาง่ายๆ ท่านกู้เงินมาซื้อบ้านยังไม่ทันจะผ่อนหมด กู้มาซื้อรถยนต์ต่อ บางทีรูดบัตรซื้อมือถือ ทีวี ตู้เย็น เพิ่มอีก . . .
ทีนี้คงเข้าใจคำว่า "หนี้ไม่เคยถูกใช้จนหมด" แล้วใช้มั๊ยครับ?
สุดท้ายหนี้ที่พอกๆไว้ก็เยอะจนใช้ไม่ทัน และก็จะเริ่มเกิดการเบี้ยวหนี้ จากนั้นก็เป็นผลกระทบตามๆกันมา สะท้อนให้เห็นในตัวเลขหนี้เสียหรือNPL ที่กล่าวไปข้างต้น
ปัจจุบันจะแตะที่ 3% อยู่แล้ว . . .ฟังดูน้อยนะแค่ 3% เอง เอาแค่ที่แบงก์ชาติบอกมาว่าเฉพาะหนี้จาก SME ก็ปาเข้าไป 2 แสนล้านแล้ว ไหนจะลูกค้ารายใหญ่อีก (ลูกค้ารายใหญ่ผมเคยโพสไปแล้วในบทความเก่าไปหาอ่านได้)
สรุปตอนนี้มี NPL เกือบ 4 แสนล้านบาท อ่าน
ทีนี้เรามาแยกดู NPL แต่ละประเภทกันดีกว่า
1.การผลิต
2. การก่อสร้าง

ปัจจุบันจะแตะที่ 3% อยู่แล้ว . . .ฟังดูน้อยนะแค่ 3% เอง เอาแค่ที่แบงก์ชาติบอกมาว่าเฉพาะหนี้จาก SME ก็ปาเข้าไป 2 แสนล้านแล้ว ไหนจะลูกค้ารายใหญ่อีก (ลูกค้ารายใหญ่ผมเคยโพสไปแล้วในบทความเก่าไปหาอ่านได้)
สรุปตอนนี้มี NPL เกือบ 4 แสนล้านบาท อ่าน
ทีนี้เรามาแยกดู NPL แต่ละประเภทกันดีกว่า
1.การผลิต
2. การก่อสร้าง

ท่านจะเห็นได้ว่าหนี้ตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาศ 3 ของปีนี้ ในภาคการก่อสร้างและที่อยูอาศัยนี่มาแรง คล้ายๆช่วง 2007 เลย (subprime mortgage crisis)
แต่ที่โหดสุดก็ในภาคของการเงินแล้วหละทะลุไปราว 240% O_o
คงพูดมากเรื่องนี้ไม่ได้นักเพราะผมไม่มีความรู้อะไรเท่าไหร่ ก็แค่นั่งดูผลที่เค้ารายงานมา ซึ่งท่านก็เห็นๆกันอยู่ หากตามข่าวจะพบว่ามีการปิดตัวลงและการขาดทุนมากมาย
ผมรวบรวมมาให้นิดหน่อย . . . .
คลื่นวิทยุดัง (Seed 97.5) หรือ
นิตยสารหลายฉบับ (อ่าน1 ,อ่าน2)
สื่อทีวีเองก็ขาดทุนยับ (อสมท.)
บริษัทเกี่ยวกับเหล็ก (อ่าน)
ธุรกิจการเดินเรือ (อ่าน)
บริษัทเครื่องดื่มชื่อดังยังล่วง (อ่าน)
แต่ที่โหดสุดก็ในภาคของการเงินแล้วหละทะลุไปราว 240% O_o
คงพูดมากเรื่องนี้ไม่ได้นักเพราะผมไม่มีความรู้อะไรเท่าไหร่ ก็แค่นั่งดูผลที่เค้ารายงานมา ซึ่งท่านก็เห็นๆกันอยู่ หากตามข่าวจะพบว่ามีการปิดตัวลงและการขาดทุนมากมาย
ผมรวบรวมมาให้นิดหน่อย . . . .
คลื่นวิทยุดัง (Seed 97.5) หรือ
นิตยสารหลายฉบับ (อ่าน1 ,อ่าน2)
สื่อทีวีเองก็ขาดทุนยับ (อสมท.)
บริษัทเกี่ยวกับเหล็ก (อ่าน)
ธุรกิจการเดินเรือ (อ่าน)
บริษัทเครื่องดื่มชื่อดังยังล่วง (อ่าน)
มีอีกเยอะไปหาอ่านกันเองเน้อ ถ้าไม่ตาบอดก็คงเห็น -..-
ถ้าใครยังเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งและมั่นคงก็สุดแล้วแต่นะ!!! แต่ท่านต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกๆด้าน การหวาดกลัวเกินไปก็ไม่ดีเพราะจะเสียโอกาสได้
โดยส่วนตัวผมก็หนีเงินบาทมาได้พักหนึ่งละโดยการเปลี่ยนมาถือหลายสกุลเงินทั้ง EUR และ USD
ก็เกือบล้านอยู่ และกำลังคิดว่าจะถือ AUD เพิ่มอีกสักหน่อย
ใจจริงศึกษาตลาด Forex มานานมาก 5 ปีได้ละ แต่ยิ่งศึกษายิ่งไม่กล้าเล่น ทั้งๆที่ปั้น Demo เล่นมามากมายแล้ว แต่ผมคิดว่าถือเงินสดนี่แหละผมนอนหลับแล้วสบายใจดี ^^
ท้ายที่สุดนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากพูดเช่น เงินเฟ้อทางเทคนิคที่พี่ต้านพูด ตัวเลขการว่างงาน การเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์ที่จะมาแทนแรงงานคน แนวโน้มธุรกิจ และการเคลื่นที่ของเม็ดเงิน แต่ผมต้องไปทำงานแล้ว ไว้จะพยายามทยอยเขียนให้เร็วที่สุดนะครับ
ปล. มีอยู่บรรทัดหนึ่งที่ผมบอกว่า "NPL สะท้อนถึงสภาพความเป็นอยู่ของประชากร" ต้องขอโทษจริงๆ ไว้โอกาสหน้าผมจะมาขยายความของคำพูดนี้ แต่ ณ ตอนนี้ต้องไปทำงานแล้ว 555
โอกาสมีเสมอ
ชีวิตท่าน ท่านเลือกเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น