Always with Me

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มผันผวน สัญญาณที่น่าจับตามอง

     สวัสดีคับทุกท่าน! หลังจากที่ผมห่างหายไปนาน สำหรับการเขียนบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งของประเทศไทย และตลาดโลก จึงขอแจ้งถึงเหตุที่หยุดเขียนหรือหายไปนานเป็นเพราะว่า การวิเคราะห์ " Global Macroeconomics" หรือ "เศรษฐกิจมหาภาค" นั้นไม่ใช่ของที่จะโพสกันรายวันหรือรายเดือน ตามหลักก็จะอัพเดทประมาณปีละครั้งแค่นั้น เพราะมันแทบจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย เว้นเสียแต่ว่าเราจะวิเคราะห์ผิด ซึ่งหากใครตามอ่านมาตลอดจะพบว่าผมจะแนบลิงค์อ้างอิงที่น่าเชื่อถือเสมอทุกครั้ง ที่เหลือคงแล้วแต่การวิเคราะห์ของท่านๆแล้วหละครับ

     วันนี้ชื่อหัวข้อที่สนใจเขียนคือ "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มผันผวน สัญญาณที่น่าจับตามอง" หากท่านตามผมมานานจะพบว่าผมกลัวเงินเฟ้อมาก จึงพยายามตามหาว่าเม็ดเงินน่าจะวิ่งเข้าไปที่สินทรัพย์กลุ่มไหน ซึ่งหลักๆเลยคือทองคำ แต่อีกตัวที่ผมสนใจไม่แพ้กันคือ "สินค้าโภคภัณฑ์" เหตุผลเพราะอะไรก็ไปหาอ่านเองนะ เคยเขียนไว้ละ . . .ทีนี้เรามาไล่ดูราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางตัวกันดีกว่า!

   
ราคาธัญพืช



ราคาข้าวโพด




ราคาข้าวเปลือก (อ้างอิง คลิก )



ราคาคาโนร่า (อ้างอิง คลิก )



ราคาน้ำมันดิบ



ราคาทองคำ




ราคาพาราเดียม (อ้างอิง คลิก )



หากอยากดูราคาสินค้าอื่นๆท่านสามารถตามลิงค์ที่ผมให้ไว้ได้เลยนะครับ ( คลิก ) เพราะยังคงมีอีกหลายตัวที่น่าสนใจ

     ทีนี้ท่านจะเห็นว่าสินค้าหลายตัวมีความผันผวนมากบางตัวก็นิ่งๆ แต่ที่แน่ๆคือทุกตัวมีเม็ดเงินเข้ามาไล่เก็บทั้งนั้นผมจึงมองว่าดูท่ามาโครของเราน่าจะมาถูกทางแล้ว และหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็คงจะเริ่มเขียนบทความ "เศรษฐกิจไทยในอนาคต" ตอนที่ 6 ต่อแน่นอน เพราะความจริงก็อยากเขียนนานแล้วหละเพียงแต่ว่าขี้เกียจ 555 วันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่แวะเอามาแปะให้เห็นถึงสัญญาณที่น่าสนใจหนะครับ ^^

     ทีนี้บังเอิญไปเจอข้อมูลมาเกี่ยวกับการเก็บทองคำสำรองของประเทศต่างๆ มาดูกันครับว่าประเทศไหนเก็บทองคำไว้เท่าไหร่


อ้างอิงจาก http://www.gold.org/data/gold-reserves

     ท่านจะเห็นได้ว่าทั้งจีน และรัซเซียมีการเร่งเพิ่มทองคำเป็นทุนสำรองเป็นจำนวนมาก และพบว่าปัจจุบันปริมาณทองคำบนโลกมีประมาณ 184,000 ตันในปี 2014 ( อ้างอิง คลิก ) ข้อมูลปัจจุบันผมหาไม่เจอเลย แต่ในกลุ่มเฟสบุคส์ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ได้กล่าวไว้ว่ามีประมาณ 187,200 ตัน ก็เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย เฉลี่ยแล้วประมาณ 6 พันล้านทรอยออนซ์ และถึงแม้ว่าพี่จีนและรัซเซียจะเร่งเก็บทองคำไว้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ แต่เบอร์ 1 ก็เป็นไหนไปไม่ได้นอกเสียจาก

  
อ้างอิงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Gold_reserve

     ไม่น่าเชื่อว่า IMF เก็บทองคำไว้มากเป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว O_o! ก็อย่างที่ยกตัวอย่างและข้อมูลมาให้ดูมากมายท่านพอจะเห็นอะไรบ้างรึเปล่าครับ?

     ถูกต้องครับ เงินกำลังไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยยังไงหละ แปลว่าหลายฝ่ายตระหนักและมองเห็นถึงปัญหาหนี้สาธารณะ และ NPL ที่พุ่งสูงในหลายๆประเทศ อย่างที่พึ่งเกิดไปสดๆร้อนๆก็ "เวเนซุเอลา" นี่แหละครับ ดังนั้น Ray Dalio จึงมีแนวคิดคร่าวๆของการประเมินราคาทองคำครับ

 

     เค้าบอกว่าเอาปริมาณเงินไปหารกับปริมาณทองคำ ก็จะได้โซนค่าเฉลี่ยของทองที่น่าจะเป็นออกมา และปริมาณเงินบนโลกนี้มีปริมาณเท่ากับ

อ้างอิงจาก https://www.cia.gov/library/publications/

     อันนี้ผมเอามาต่อจากสมาชิกท่านหนึ่งที่โพสในเฟสบุคส์นะครับ เพราะเค้าคำนวณมาไว้เรียบร้อยแล้วจึงเอาส่วนของการคำนวณมาใช้เลย ( คลิก ) เค้าว่ามีเงินประมาณ 95 ล้านๆเหรียญดอลลาร์สหรัฐครับ และหากนำเงินทั้งหมดมาหารกับปริมาณทองคำจะได้ว่าราคาทองคำที่ควรจะเป็นคือ 15,833 เหรียญต่อออนซ์ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ทั้งโลกจะเอาเงินทั้งหมดออกมาซื้อทองคำ 

     Ray Dalio ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนะ เค้าแค่บอกว่าถ้ามองเห็นก็จัดเป็นโอกาสว่าจะเลือกอยู่ด้านไหน เพราะเอาจริงๆ ถ้าจะ Sell ทองคำ ณ ตอนนี้เราก็พอสามารถคำนวณคร่าวๆได้ว่าเพดานมันอยู่ที่ 15,833 เหรียญ แม้มันจะไม่มีโอกาสไปถึงก็ตาม หรือจะเลือก Buy ตามแต่เหตุผลเช่น ป้องกันความเสี่ยง ก็ย่อมได้เช่นกัน ผมเห็นว่าเป็นแนวคิดที่ดีนะจึงนำมาบอกต่อ

     สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่า ผมคงจะหาเวลาเขียนเกี่ยวกับเศรศฐกิจไทยต่ออีกสักหน่อยแล้วก็คงหายไปอีกนาน หากมันไม่มีไรเปลี่ยนแปลงอะนะ เอาไว้ว่างๆผมจะรีบเขียนครับ เร็วๆนี้แหละ ^^

Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น