
ห้างแพลทินัมในกรุงเทพซึ่งมีผู้คนใช้บริการราว
15
ล้านคนต่อปีมองว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนจะทำให้เกิดการจับจ่ายที่มีมูลค่าสูง
โดยทางห้างมีการลงทุนเพิ่มถึง 180 ล้านเหรียญ
เพื่อเตรียมดึงเงินจากกระเป๋าของนักท่องเที่ยวจีน มีการวิเคราะห์ว่าปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทย
9 ล้านคน เฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจีนใช้เงินจับจ่ายที่ 176 เหรียญต่อคนต่อวันซึ่งนับเป็นจำนวนเงินมหาศาล ดังนั้นทางห้างจึงมีกลยุทธ์
และโปรโมชั่นต่างๆเพื่อเตรียมดึงเงินลูกค้าชาวจีนที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-09-06/
วิเคราะห์ข่าว
การเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วของนักท่องเที่ยวจีนนั้นเป็นอะไรที่น่าจับตามองเพราะไม่ใช่แค่ในไทยนะครับ แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปทั่วโลก เราต้องยอมรับว่าประเทศจีนนั้นมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงและรวดเร็ว ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล ประกอบกับการแข็งค่าขึ้นของเงินหยวน

จึงไม่แปลกเลยที่ประเทศไทยจะถูกหันมาจับตามองโดยนักท่องเที่ยวจีนเป็นสถานที่แรกๆ
เพราะทั้งใกล้และถูก แถมสินค้าต่างๆในไทยก็ใช้ดีมาก ส่วนตัวผมช่วยธุรกิจครอบครัวคือร้านเครื่องสำอาง
ผมเห็นได้ชัดเจนเลยว่าสินค้าเครื่องสำอางไทยเป็นที่ต้องการของชาวจีนมากๆ
โดยเฉพาะยี่ห้อมิสทีน ร้านผมสั่งรองพื้นมิสทีน 3
เดือนไม่มีของเพราะมีเท่าไหร่คนจีนเหมาซื้อไปหมดจนตอนนี้บริษัทขายให้แค่คนละ 1
ชิ้นต่อรอบการสั่งซื้อเท่านั้น ยังไม่รวมแป้งทาหน้ารุ่นใหม่ที่ของขาดตลอดๆ
ร้านวินคอสเมติกส์ ร้านเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่
(ตั้งอยู่ตรงกาดหลวง) ถ้าทัวร์จีนลงพนักงานบอกผมว่าเค้าไม่นับชิ้นเลย สินค้ามีบนชั้นเท่าไหร่เค้าเอาแขนกวาดลงตะกร้าหมดเลย
จะเห็นได้ว่ากำลังซื้อของเค้าสูงมาก ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อทั้งสายการผลิต
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ผลิต การจัดหาวัตถุดิบ การขนส่ง ด้านการบริการต่างๆ
เกิดการจ้างงานเพิ่มในบางส่วน เช่นร้านวินคอสเมติกส์ขยายสาขา
2 เป็นวินซาลอนเน่
และตอนนี้กำลังเปิดสาขา 3 ที่เชียงราย ก็แน่นอนว่าหลักๆมาจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีนทำให้ส่งผลมหาศาลต่อมหาภาคและจุลภาค
เพราะนอกจากจะเกิดการจ้างงานเพิ่มแล้ว ยังเกิดการสร้างอาชีพธุรกิจใหม่ๆอย่าง “ร้านทุกอย่าง
20 บาท” (OK20)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น