ปริมาณการส่งออกไก่ของไทยโตอย่างต่อเนื่องโดย
7 เดือนมีมูลค่าการส่งออกกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท
โดยเกิดการขยายตัวของตลาดทั้งในประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และเกาหลี
คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ 9.9 หมื่นล้านได้แน่นอน
แต่ปัญหาสำคัญคือการที่ญี่ปุ่นผ่านการตรวจรับรองโรงงานในประเทศเวียดนามแล้ว
แม้จะยังไม่ทราบว่ามีโรงงานที่ผ่านการรับรองกี่โรงงาน
แต่เราจะเสียเปรียบในเรื่องของต้นทุนเพราะเวียดนามมีค่าแรงที่ต่ำกว่า
วิเคราะห์ข่าว
จากข่าวจะเห็นการเติบโตของธุรกิจไก่สดแปรรูปของไทยซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เกาหลีกลับมาอนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากไทยได้เพราะในประเทศเกาหลีนั้นมีการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกอยู่เป็นระยะๆ แต่ปัญหาสำคัญในเรื่องนี้คือคู่แข่งทางการค้า เพราะเรามีเวียดนามซึ่งโรงงานได้ผ่านการรับรองจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยส่วนตัวผมเรียนคณะอุตสาหกรรมเกษตร ทราบดีว่ามาตรฐานโรงงานของประเทศญี่ปุ่นนั้นสูงมากๆ อาหารหลายชนิดตรวจวัดค่าความเสื่อมเสียและสารปนเปื้อนมากกว่าส่งเข้าไปจำหน่ายใน อเมริกา หรือยุโรปเสียอีก จึงสามารถพูดได้เลยว่าถ้าโรงงานพวกนี้จัดเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก เพราะเค้าจะขยายตลาดมาแข่งกับเราในตลาดประเทศแถบยุโรป อเมริกา หรือเกาหลีอย่างแน่นอน เราอาจจะสู้ได้ยากในเรื่องของต้นทุนเพราะค่าจ้างด้านแรงงานในประเทศไทยนั้นสูงกว่าเวียดนามมาก
จากตารางจะเห็นว่าแม้ค่าแรงจะถูกปรับขึ้น แต่อัตราสูงสุดก็ยังห่างจากไทยเราที่มีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่
300 บาทต่อวัน ตกเฉลี่ยเดือนละ 9,000 บาท
คงบอกได้แค่ว่าต้นทุนด้านแรงงานเราสู้ไม่ได้เลย ถ้าวัดเรื่องมาตรฐานจัดได้ว่าเทียบเท่ากัน
ดังนั้นก็คงต้องสู้กันที่ค่าเงินและกลยุทธ์การตลาดต่างๆ ซึ่งผมไม่มีความสามารถพอที่จะวิเคราะห์ได้ ผมเพียงหยิบประเด็นง่ายๆอย่างเรื่องต้นทุนด้านแรงงานมาให้เห็นว่าเราเสียเปรียบเค้ามากๆ
ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศได้ในเรื่องการถูกแย่งเม็ดเงิน และอาจลุกลามมาถึงการลดโบนัสหรือการตัดโบนัสพนักงาน
หรือในกรณีร้ายคือปรับลดพนักงานหากธุรกิจสู้เวียดนามไม่ได้
นี่จึงมิใช่เรื่องไกลตัว เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามๆกันมาหากเราไม่เตรียมพร้อมหาทางป้องกัน
รับมือ หรือทางหนีไว้ให้ดี
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น