รัฐบาลพยายามที่จะผลักดันให้ SME ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กหันมาติดตั้งการชำระเงินด้ายระบบดิจิตอล (Digital Payments) เข้าสู้ “สังคมไร้เงินสด” แต่การเก็บค่าธรรมเนียมที่โดยบริษัทบัตรเครดิต เป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการเปิดรับการชำระเงินด้วยระบบดิจิตอล เพราะผู้ค้าที่รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด จะต้องเสียค่าธรรมเนียมธุรกรรมราว 3% ใกล้เคียงกับค่าธรรมเนียมการรับชำระเงินจากระบบออนไลน์อย่าง Apple Pay, Android Pay และSamsung Pay
จากการสัมภาษณ์ Theresa Loh อายุ 27 ปีกล่าวว่า เธอเลือกที่จะใช้เงินสดจับจ่ายในการซื้อของเช่น การซื้ออาหารต่างๆ มากกว่าที่จะชำระด้วยระบบดิจิตอลเนื่องจากสะดวกกว่าการต้องควักการ์ดออกมารูด
วิเคราะห์ข่าว
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ทันสมัยด้านเทคโนโลยีอย่างสิงคโปร์
ผู้คนจะนิยมจับจ่ายกันด้วยเงินสดมากกว่าที่จะชำระเงินด้วยระบบออนไลน์
ผมมองว่ายังไงๆการใช้เงินสดก็ยังจำเป็นอยู่ดี เพราะหากเปลี่ยนไปสู่สังคมไร้เงินสด
กล่าวคือทุกคนทำธุรกรรมการเงินต่างๆเพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านหน้าจอโทรศัพท์ของแต่ละคนเพียงเท่านั้น
มันอาจจะมีปัญหาตามมาได้อีกมากเช่น ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ,เครื่องรูดบัตรหรือระบบเสียหละ? จะทำยังไง และอีกข้อคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเงินสดนั้นสะดวกกว่า
ผมลองนั่งคุยกับแม่กลับได้มุมมองที่แปลกๆมานั่นคือ
แม่ผมบอกว่าถ้าเรามีเงินในกระเป๋า สมมุติว่าเราจะซื้อของไม่เกิน 2000 บาท เมื่อเราจับจ่ายไปเราก็สามารถมองเห็นได้ว่าเงินในกระเป๋าเราลดลงเรื่อยๆและเริ่มเพลาการจ่าย
แต่หากหยิบมือถือขึ้นมาซื้อๆๆ มันอาจจ่ายเพลินเพราะเราไม่เห็นเงินที่ลดลงไปในกระเป๋าเงินนอกเสียจากจะคำนวณในใจไปเรื่อยๆ
ซึ่งผมมองว่ามีส่วนที่เป็นจริงและคิดต่อดังจะเห็นได้ง่ายที่สุดคือ บัตรเครดิต
ท่านจะรู้ได้เลยว่าคนไทยเป็นหนี้เยอะมาก
และหนี้บัตรเครดิตจัดเป็นหนี้ส่วนใหญ่ของคนในประเทศ
ยิ่งโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เป็นหนี้กันตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะมันจ่ายง่ายไงครับ
รูดๆๆๆ (ไม่ต้องมองไหนไกลเลย แค่พี่สาวผม ผมก็เห็นการรูดบัตรของเธอแล้วสยอง -
-!) ผมมองว่าระบบออนไลน์พวกนี้จะมาเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการจับจ่ายของคนในสังคม
และเป็นไปในทางที่ไม่ดี (เทียบกับกรณีบัตรเครดิต)
หากบอกต่อว่าก็บัตรพวกนี้มัดรูดจนถึงวงเงิน
ถ้าเงินหมดก็คือจบไม่เหมือนบัตรเครดิตที่ยืมเงินในอนาคตมาใช้ก่อนซะหน่อย!!
“ใช่ครับจบจริงๆ จบชีวิตนะครับ”
เพราะถ้าเงินหมด
และจะเอาอะไรกินต่อหละ? แล้วเงินออมหละมีไหม? เงินใช้หนี้บัตรเครดิตหละมีไหม? ไม่รู้ทำไมผมมองเห็นวิกฤตในโอกาส
555 ตัวเลขหนี้ครัวเรือนเราสูงถึง 81% หนำซ้ำถ้าเงินเก็บก็ไม่มีอีกคงแย่แน่ๆ
ที่เกรินมาก็เพื่อที่จะบอกว่ามุมมองของผมต่อระบบชำระเงินออนไลน์นั้นคล้ายๆ Facebook และ Youtube นั้นก็คือหลอกล่อให้ลุ่มหลงใช้จ่ายเงินกันเพลิน และผมมั่นใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเพราะมันคล้ายกับกรณีของบัตรเครดิตมากๆ (ในด้านพฤติกรรม) และนี่อาจจะส่งผลกระทบกับทุกคนในระบบเศรษฐกิจครับ
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น