Always with Me

จีนเตรียมยกเลิกรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง


Li Ka-shing มหาเศรษฐีชาวฮ่องกงได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งของบริษัท O Luxe Holdings ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2017 ที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ออกประกาศว่าเตรียมยกเลิกยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล และมองว่าตลาดของรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่จะเติบโตมากในอนาคต 

ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-09-11/

วิเคราะห์ข่าว

จากข่าวผมมองว่าเป็นอะไรที่สุดโต่งมากๆเพราะรัฐบาลจีนเตรียมห้ามจำหน่ายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานฟอสซิล ซึ่งเป็นไปตามประกาศการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2573 เนื่องจากประเทศจีนมีปริมาณการผลิตน้ำมันสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยมีการผลิตน้ำมันเฉลี่ยราว 3,980,000 บาร์เรลต่อวัน (ปี2016) 


แต่กลับมีปริมาณการส่งออกที่ต่ำมากๆ คือที่ 33,000 บาร์เรลต่อวัน (ปี2013) แต่ปัจจุบันปริมาณการผลิตน้ำมันของจีนต่ำลงมากถึง 8% จนต้องเพิ่มปริมาณการนำเข้าน้ำมันถึง 12.5% หรือราว 482.3 ล้านบาร์เรล

 

ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นได้ว่าประเทศจีนนั้นมีอัตราการบริโภคน้ำมันที่สูงมาก เมื่อหาข้อมูลปริมาณยานยนต์ของประเทศจีนพบว่ามีปริมาณราว 290 ล้านคัน (ปี2016) การค่อยๆลดปริมาณการจำหน่ายรถยนต์พลังงานฟอสซิลลงจึงเกิดคำถามมากมายว่า

1. รถยนต์พวกนี้สามารถวิ่งในสภาวะจริงๆได้มีประสิทธิภาพเพียงใด?

2. ราคารถยนต์เหล่านี้ ผู้คนทั่วๆไปสามารถเข้าถึงได้หรือไม่?

3. แล้วรถยนต์เดิมที่มี 290 ล้านคันจะทำยังไง?

หากลดปริมาณรถยนต์พลังงานฟอสซิลลงจริงๆจนเหลือ 0 ก็เท่ากับว่าปั๊มน้ำมันต้องถูกปิดตัวลง เหลือเพียงปั๊มชาร์จแบต โดยส่วนตัวผมมองว่าคนส่วนใหญ่คงชาร์จแบตมาจากบ้านแล้ว เท่ากับว่าการปิดตัวลงของปั๊มน้ำมันจะเกิดผลกระทบต่อจำนวนพนักงานมหาศาล และในส่วนของการบริโภคน้ำมันที่น้อยลง บริษัทขุดเจาะน้ำมันก็จะมีความสามารถในการทำกำไรได้น้อยลง จนอาจถึงขาดทุน และอาจจำต้องปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่คือการลดจำนวนพนักงาน
ในแง่หนึ่งอาจมองได้ว่าความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของจีนด้อยลง เพราะ

- ค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นมาก

- การที่อเมริกาสามารถสกัดน้ำมันจากชั้นหินดินดานได้สำเร็จและมีต้นทุนที่ต่ำ

- ความผันผวนทางค่าเงินหยวนที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

จึงหันมาเป็นผู้น้ำเข้าแทนที่จะเป็นผู้ผลิตเสียเอง หรืออาจมองถึงปริมาณน้ำมันที่จีนขุดเจาะได้อาจเริ่มมีน้อยลง (ใกล้หมด) ซึ่งน้ำมันจัดเป็นความมั่นคงทางพลังงานของชาติ จีนจึงเริ่มหาทางรับมือกับปริมาณน้ำมันที่ลดลง โดยส่วนตัวผมให้น้ำหนักกับข้อนี้และมองข้ามการอ้างถึงสิ่งแวดล้อมของจีนเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลดอุปทานของน้ำมันทั้งที่ประเทศจีนมีการบริโภคมหาศาลมากถึงขนาดนั้น จึงมองว่าน่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคงด้านพลังงานของจีนซะมากกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรก็ตามแต่ การที่จีนกำลังพยายามลดอุปทานของน้ำมันลงในภาคของอุตสาหกรรมยานยนต์ ล้วนแต่ส่งผลกระทบตามมาอย่างแน่นอนดังที่ชี้แจงไปข้างต้น สุดท้ายนี้คงต้องติดตามถึงมาตรการและนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเพื่อดูผลกระทบต่อไป

อ้างอิง 

http://m.thansettakij.com/content/206424?ts 
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_oil_exports 
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_oil_production 
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_vehicles_per_capita 
http://www.oilandgas360.com/chinese-oil-production-dives-8-2017/

Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น