นี่เป็นการจัดอันดับรายได้ของมหาเศรษฐี 500
อันดับของโลก และผมเกิดไปสะดุดตาเข้ากับเธอคนนี้ นั้นคือ Iris
Fontbona เหตุที่ผมสนใจเธอเพราะเธอมาจากประเทศ “ชิลี”
(Chile) โดยอยู่ที่อันดับ 59 รายได้รวม 16,700
ล้านเหรียญดอลลาร์
วิเคราะห์ข่าว
หากมองดูแล้วจะเห็นว่าประเทศส่วนใหญ่ที่มีคนรวยมากที่สุดนั้นคืออเมริกา
เพราะแค่ 10 อันดับแรก อเมริกาก็กวาดไป 7 คนแล้ว
เมื่อมองลงไปยังภาคธุรกิจที่ทำกำไรส่วนมากนั้นคือ
เทคโนโลยี ,อสังหาริมทรัพย์ ,การเงิน และอาหารและเครื่องดื่มเป็นส่วนใหญ่
มันจึงทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าประเทศ ชิลี
มีอะไรที่สามารถทำเงินได้ถึงขนาดนั้น?
ถ้าว่ากันตามภูมิศาสตร์ของประเทศชิลีแล้ว
เป็นประเทศที่มีชายฝั่งติดทะเลเป็นแนวทอดยาว
ผมเรียนคณะอุตสาหกรรมเกษตรจึงทราบว่าประเทศนี้หาปลาได้ค่อนข้างมาก
และผลิตน้ำมันตับปลาได้มากที่สุดในโลก
อีกทั้งยังเป็นน้ำมันตับปลาที่มีคุณภาพดีอีกด้วย ตอนแรกผมสงสัยว่าเธอขายปลาจนล้ำรวยรึเปล่านะ? แต่ว่าพอลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมกลับพบว่าประเทศนี้ไม่ได้มีดีแค่น้ำมันตับปลา
เพราะมีทรัพย์ยากรทางธรรมชาติที่มหาศาล โดยนอกจากประเทศแถบนี้จะมีทรัพย์ยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์แล้วยังมีแร่ธาตุต่างๆมากมาย
ดังนั้นแล้ว Iris Fontbona เป็นเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ใน Antofagasta ของประเทศชิลี
และผลิตทองแดงเป็นรายใหญ่อันดับ 9 ของโลกและยังควบคุมกิจการอีกหลายอย่างคือ
ธุรกิจเกี่ยวกับสายเคเบิล ,ธุรกิจเกี่ยวกับสุรา ,ธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน
,การธนาคาร และการขนส่งสินค้า และยังมีโรงแรมกับรีสอร์ทอีกหลายแห่ง
ราคาทองแดงปัจจุบัน (Time Frame Day)
หากเราดูราคาของทองแดงจะพบว่ามีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปี
2017 ซึ่งผมมั่นใจว่านี่เป็นรายได้หลักที่ทำให้เธอขยับขึ้นมารวยติดอันดับต้นๆของโลกแน่นอน
ดังนั้นมันเกี่ยวข้องยังไงกับระบบเศรษฐกิจ?
ก็คงพูดได้ว่าคนๆหนึ่งสามารถทำเงินเป็นจำนวนมหาศาลแบบนี้
เท่ากับว่าเค้าส่งออกทองแดงและดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้มหาศาล ทำให้เกิดการขยายกิจการ
และเกิดจ้างงานต่อๆมาเป็นลูกโซ่
เพียงแค่ว่าการผูกความมั่งคั่งติดกับสินค้าโภคภัณฑ์นั้นเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน
เพราะเราพึ่งเห็นตัวอย่างกันไปสดๆร้อนๆนั้นคือประเทศ “เวเนซุเอลา”
ที่มีรายได้หลัก 90% มาจากการขายน้ำมัน พอถึงช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกลงมาในระดับต่ำ
ก็ทำให้ประเทศถึงขั้นล้มละลายเลยทีเดียว เพราะต้องเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อสูงมากกว่า
800%
ในส่วนของประเทศเวเนซุเอลาผมจะไม่ขอลงลึก
เพียงแค่หยิบยกมาให้เห็นว่าการที่ผูกความมั่งคั่งไว้การสินค้าโภคภัณฑ์นั้นมีความเสี่ยงที่สูง
จากกรณีนี้มาดูอะไรที่มองเห็นกับเป็นรูปธรรมเลยดีกว่า
รายได้สุทธิ (Net Wroth) (Time Frame Years)
ราคาทองแดง (Time Frame Years)
จากกราฟของรายได้ของ Iris Fontbona และกราฟราคาทองแดงท่านจะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่ามันวิ่งไปด้วยกัน นั้นคือเมื่อราคาทองแดงในตลาดโลกราคาตกลง รายได้ของเธอก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นผมจึงชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก ท่านลองคิดดูว่ารอบที่ราคาตกจะมีการปลดพนักงานไปเท่าไหร่ และรอบที่ราคาขึ้นก็เกิดการจ้างงานเพิ่ม?
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงเหมือนกับข่าวเรื่อง E-ticket (อ่าน) ถ้าเกิดวันดีคืนดีเธอล้มขึ้นมา เพราะราคาทองแดงวิ่งจนตกเหวด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ (สมมุตินะครับ) พนักงานหลายชีวิตคงจะแย่เป็นแน่แท้
สุดท้ายนี้ผมไม่ทราบว่าเวเนซุเอลามีรายได้หลักจากอะไรเพราะผมไม่ได้ไปหาอ่านต่อ ผมเพียงชี้ให้เห็นว่าเธอคนนี้มีรายได้หลักจากการขายทองแดง ซึ่งราคาในตลาดโลกผันผวนเอาเสียมาก ทำให้อาจจะส่งผลกระทบขนาดใหญ่ได้หากเกิดกรณีไม่คาดฝันขึ้นดังที่บอกไปข้างต้น และหากรัฐบาลมีรายได้หลักจากการขายทรัพย์ยากรและสินค้าโภคภัณฑ์ ก็พึ่งระวังไว้เถิดเพราะเรามีหลายประเทศเป็นตัวอย่างแล้ว ดังนั้นรัฐควรกระจายความเสี่ยงของประเทศเพื่อให้ประชากรมีความมั่นคงในทางการเงินและความเป็นอยู่ที่ดีต่อไปในอนาคต
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น