พี่น้องแห่งสินเจริญกุลพร้อมผนึกกำลังนำศรีตรังผงาดบนเวทีโลกอย่างสมศักดิ์ศรีในฐานะผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก รุกชิงส่วนแบ่งทางการตลาดโลกขยับสู่ 15% พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตทั่วประเทศ
วิเคราะห์ข่าว
จากข่าวกล่าวว่า บริษัท
ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)
เป็นบริษัทส่งออกยางที่ใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 10% เพราะสามารถผลิตยางได้มากถึง 1.5 ล้านตันต่อปี
มากว่ากำลังผลิตของทั้งประเทศเวียดนามเสียอีก ปัจจุบันตลาดโลกมีความต้องการยางราว
11 ล้านตัน
ทำให้บริษัทวางแผนที่จะเดินหน้าขยายฐานการผลิตเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้น
โดยวางเป้าไว้ที่ 15% และจะมีการศึกษากลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมนอกจากการขายยาง
เช่น ถุงมือยาง หรืออื่นๆ
ด้วยความที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่มากทำให้มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำโดยเฉพาะต้นน้ำ
คือเกษตรกรผู้เพาะปลูกเฉพาะแค่ภาคเหนือก็มีขนาดการเพาะปลูกสูงถึง 5 หมื่นไร่
ราคายางนั้นถูกกำหนดโดยราคาของตลาดโลกเป็นหลัก
อุตสาหกรรมยางพาราอยู่ในช่วงชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2554 โดยมีการปรับตัวลดลงของราคาอย่างมาก
(ราว 80%) ดังจะเห็นข่าวที่มีกลุ่มเกษตรกรออกมาประท้วงในช่วงก่อนๆ ดังนั้นเราจะมาดูกันว่ามีปัจจัยสำคัญใดที่ทำให้ราคายางตกลงมากขนาดนี้ครับ
1. ไทยเคยผลิตยางได้ต่อปีประมาณ 1,500,000
ตันต่อปี เมื่อเศรษฐกิจโลกเติบโต ความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น เกษตรกรหลายคนเกิดการหันมาปลูกยางเพิ่มขึ้นจนในปี
2556 ไทยผลิตได้ต่อปีประมาณ 4,100,000 ตัน
เพิ่มขึ้นเกือบๆ 4 เท่า
2. จีนซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่เริ่มหันมาเป็นผู้ผลิตเสียเองโดยการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกยางเพิ่มขึ้น
และมีสต๊อคยางที่เก็บไว้จำนวนมาก (ราว 9 แสนตัน)
3. ส่วนนี้เป็นประเด็นที่ผมให้น้ำหนักมากที่สุดนั้นคือ
“ราคาน้ำมันโลกอยู่ในระดับต่ำ” เพราะโรงงานอุตสาหกรรมจะใช้ยางสังเคราะห์จากยางพาราหรือจากพอลิเมอร์
(Polymer) ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบซึ่งหมายความว่าตั้งแต่ปี
2014
เป็นต้นมาราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลงมหาศาลจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรงงานต่างๆหันไปใช้โพลิเมอร์สังเคราะห์จากน้ำมันดิบแทน
ผมจึงไล่ดูราคาย้อนหลังของทั้ง 2
ผลิตภัณฑ์ย้อนหลังเพื่อเปรียบเทียบหาความเชื่อมโยงและพบว่า
จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาน้ำมันต่ำกว่า 40 เหรียญ/บาร์เรล ราคายางจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ แสดงถึงอุปสงค์ที่ลดลงในยาง
ซึ่งคาดว่ากลุ่มอุตสาหกรรมน่าจะหันไปใช้ยางสังเคราะห์มาทดแทน ทั้งนี้จำเป็นต้องดูการเติบโตของตลาดโลกร่วมด้วย
เพราะการชะลอตัวของตลาดโลกทำให้การลงทุนลดลง อุปสงค์ในสินค้าจึงลดลงตามไปด้วยเช่นกัน
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น