ความจริงแล้วไม่มีข่าวใดๆในหัวข้อนี้
หากแต่เป็นความสนใจของผมเอง
เพราะนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องหนังสือปรัชญาที่เพื่อนอยากอ่าน
ผมก็เลยฉุกคิดขึ้นได้ว่าคนไทยนั้นอ่านหนังสือกันน้อยลง
ยิ่งตอนนี้มีสื่อดิจิตอลเข้ามา มี E-book เข้ามา
จึงอยากทราบว่าผลกำไรของร้านหนังสือพวกนี้เป็นยังไงบ้าง
ผมจึงได้เลือกร้านหนังสือที่ผมเข้าบ่อยที่สุดมาทำการวิเคราะห์ว่าอนาคตมีแนวโน้มเป็นแบบไหน
และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสภาพเศรษฐกิจสังคมโดยรวมได้บ้าง ต้องบอกเลยว่าเมื่ออ่านงบการเงินแล้วตกใจมากเพราะผลกำไรนั้นหดหายไปชนิดที่ว่ามากกว่า
100%
ตัวเลขนี้ยังไม่ชัดเจนเพราะต้องเทียบกับปีก่อนหน้านั้นคือ
ปี 2550 บริษัทมีกำไร 184 ล้านบาท
ปี 2551 บริษัทมีกำไร 195ล้านบาท
ปี 2552 บริษัทมีกำไร 217ล้านบาท
ปี 2553 บริษัทมีกำไร 243 ล้านบาท
ปี 2554 บริษัทมีกำไร 225 ล้านบาท
ปี 2555 บริษัทมีกำไร 209 ล้านบาท
ปี 2556 บริษัทมีกำไร 72 ล้านบาท
ปี 2557 บริษัทมีกำไร 81 ล้านบาท
ปี 2558 บริษัทมีกำไร 71 ล้านบาท
ปี 2559 บริษัทมีกำไร 12 ล้านบาท
และ ปี 2560 ไตรมาสที่ 2 บริษัทกำไร 18 ล้านบาท
จากตัวเลขจะเห็นได้ชัดเจนว่าหลังปี 2555 กำไรตกลงอย่างมหาศาลหลังจากที่มีการเข้ามาของ Facebook และ Line ที่เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนั้น ที่ผ่านมาจะพบว่ามีการปิดตัวลงของร้านหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น ร้านดอกหญ้า, นิตยสาร Image, นิตยสาร Lips รวมไปถึงการปิดตัวของสำนักพิมพ์ยุคเก่าอย่าง มิตรไมตรี และ หมึกจีน เห็นได้ชัดเจนว่าคนอ่านหนังสือน้อยลงจึงกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ตั้งแต่ร้านหนังสือ บริษัทหนังสือ ไปจนถึงสำนักพิมพ์ เมื่อดูเม็ดเงินในการโฆษณาพบว่ามีการลดลงไปเช่นกันไม่ว่าจะวงการนิตยาสาร และหนังสือพิมพ์
หากมองอีกนัยหนึ่งก็สามารถพูดได้ว่าธุรกิจเหล่านี้นั้นปรับตัวไม่ทันกับสภาพสังคม
เศรษฐกิจ และรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป
แต่ผมว่าปัญหาหลักๆอีกอย่างคือการละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างเช่นหนังสือการ์ตูน
หรือนิยาย และอื่นๆ ที่สามารถหาอ่าน (เถื่อน) ได้ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต
ย้อนกลับไปที่ SE-ED ผมว่าน่าแปลกใจเหมือนกันที่อยู่ๆแค่ตัวเลขไตรมาศ
2 ก็กลับมาทำกำไรได้สูงถึง 18
ล้านบาทถ้าสิ้นปีผมหวังว่าคงจะมีโอกาสได้เห็นตัวเลขที่สูงกว่านี้
และส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้นั้นคือการที่อุปทานน้อยลงนั้นเอง
เนื่องจากมีคู่แข่งทยอยปิดกิจการไปหลายราย Market Share เลยใหญ่ขึ้นไปอีก
ย่อมส่งผลให้เม็ดเงินเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
สุดท้ายนี้ผมว่านี่เป็นกรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดและง่ายที่สุดว่าธุรกิจหมวดนี้กำลังมีปัญหา
และมันส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งสายการผลิต เพราะถ้ามันล้ม
มันจะล้มกันตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตพนักงานจำนวนมาก
และอาจก่อเกิด NPL ได้
นี่จึงเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองมากครับ
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น