ตลาดสินค้าอาหารฮาลาลนั้นแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ
1.ตลาดในกลุ่มประเทศมุสลิม : ประเทศในตลาดกลุ่มนี้ ได้แก่ แอลจีเรีย อิรัก โมร็อกโก ตูนีเซีย
บาห์เรน จอร์แดน โอมาน ตุรกี อียิปต์ คูเวต กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย เลบานอน อิหร่าน
ซาอุดีอารเบีย เยเมน มาเลเซีย ปากีสถาน ซีเรีย โดยมีตลาดใหญ่และส าคัญอยู่ในหลายประเทศ
- อินโดนีเซีย : เป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก คิดเป็นร้อยละ 15 ของ
ประชากรมุสลิมทั่วโลก สินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากโกโก้ อาหารแช่แข็ง คุกกี้
ลูกกวาด อาหารทานเล่น เนยเทียม น้ ามันประกอบอาหาร และเครื่องดื่ม
- อิหร่าน: เป็นประเทศที่มีกำลังซื้อเป็นลำดับต้นๆ ในกลุ่มประเทศมุสลิม เนื่องจาก 98%
ของประชากร 69 ล้านคนเป็นชาวมุสลิม โดยสินค้าฮาลาลที่เป็นที่นิยมในอิหร่าน คือ อาหารแช่แข็ง เนย
เทียม คุกกี้และลูกกวาด เนยเทียมและเนยขาว และเครื่องดื่ม
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: 90 % ของประชากรจำนวน 4.6 ล้านคน เป็นชาวมุสลิม สินค้า
ฮาลาลที่ตลาดต้องการ ได้แก่ อาหารทานเล่น คุกกี้ ลูกกวาด อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต ผลิตภัณฑ์
จากเนื้อสัตว์ เนยเทียม เครื่องดื่ม เครื่องสำอางและยา
- มาเลเซีย: เป็นตลาดสินค้าฮาลาลที่สำคัญอีกแห่ง และเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นชาว
มุสลิมมากกว่า 60% และนิยมสินค้าฮาลาลของไทยมาก เนื่องจากอาหารไทยมีลักษณะคล้ายอาหาร
พื้นเมืองของมาเลเซียและมีวัฒนธรรมการบริโภคที่คล้ายกัน ตลาดมาเลเซียจึงเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ
นอกเหนือจากตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนการขนส่งที่ถูกกว่า ประกอบกับ
สภาพภูมิประเทศของมาเลเซียไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตรจึงทำให้วัตถุดิบในการ
ผลิตอาหารฮาลาลไม่เพียงพอ อีกทั้งสินค้าอาหารไทยได้ประโยชน์จากภาษีนำเข้าที่มาเลเซียเรียกเก็บจากไทย
ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนส่วนใหญ่อยู่ในอัตราร้อยละ 0 เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้ไทยมีโอกาส
อีกมากในการขยายตลาดสินค้าอาหารไทยในมาเลเซีย
2. ประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิมแต่เป็นตลาดใหญ่ส าหรับสินค้าฮาลาล ได้แก่
- ตลาดในเอเชีย ที่สำคัญได้แก่ ประเทศอินเดียซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากถึง 140 ล้านคน และตลาดในประเทศจีน ที่ถึงแม้ว่าประชากรชาวมุสลิมในประเทศจีนคิดเป็นร้อยละ 2 หรือ 40 ล้านคนของ ประเทศ เท่านั้น แต่ด้วยจำนวนประชากรชาวจีนที่มีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆในโลก จึงทำให้จีนเป็นตลาด มุสลิมที่ขนาดใหญ่อีกแห่ง ซึ่งประชากรมุสลิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองซินเจียง หนิงเซี่ย และซีอัน สินค้า ฮาลาลจึงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะน้ำมันสำหรับประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์จากโกโก้และช็อกโกแลต อาหาร แช่แข็ง คุกกี้ ลูกกวาด อาหารทานเล่น เนยเทียมและเนยขาว (shortening) และเครื่องดื่ม
- ตลาดฮาลาลในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีมูลค่าถึง 12,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 396,000 ล้านบาท) มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่กว่า 8 ล้านคน เชื่อว่าเป็นตลาดที่มีการขยายตัวสูงมาก ประมาณว่า ในช่วงระยะปีค.ศ. 1995 – 2006 มูลค่าตลาดสินค้าฮาลาลเพิ่มขึ้นมากว่า 70%
- ตลาดฮาลาลในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงเช่นกันเพราะชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในยุโรปกว่า 10 ล้านคนมีรายได้สูง เช่น ประเทศฝรั่งเศสประเทศเดียวมีความต้องการสินค้าฮาลาลในแต่ละปี สูงกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 429,000 ล้านบาท) ส าหรับในรัสเซีย แม้ว่าจะมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ไม่มาก แต่มูลค่าการค้าในตลาดฮาลาล เพิ่มขึ้น 30-40 % ต่อปี ทั้งนี้ เนื่องมาจากประชากรส่วนใหญ่หันมาบริโภค อาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพและถูกสุขอนามัยมากขึ้น โดยสินค้าที่ต้องการของตลาดกลุ่มนี้คือ อาหาร สำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง อาหารทานเล่น คุกกี้และลูกกวาด เนยเทียม น้ำมันประกอบอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารฮาลาลจากเอเชีย
(อ่านต่อได้ที่ บทความเรื่อง "ตลาดฮาลาล โอกาสธุรกิจไทยสู่ตลาดโลก" คลิกที่นี่ )
- ตลาดในเอเชีย ที่สำคัญได้แก่ ประเทศอินเดียซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากถึง 140 ล้านคน และตลาดในประเทศจีน ที่ถึงแม้ว่าประชากรชาวมุสลิมในประเทศจีนคิดเป็นร้อยละ 2 หรือ 40 ล้านคนของ ประเทศ เท่านั้น แต่ด้วยจำนวนประชากรชาวจีนที่มีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆในโลก จึงทำให้จีนเป็นตลาด มุสลิมที่ขนาดใหญ่อีกแห่ง ซึ่งประชากรมุสลิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองซินเจียง หนิงเซี่ย และซีอัน สินค้า ฮาลาลจึงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะน้ำมันสำหรับประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์จากโกโก้และช็อกโกแลต อาหาร แช่แข็ง คุกกี้ ลูกกวาด อาหารทานเล่น เนยเทียมและเนยขาว (shortening) และเครื่องดื่ม
- ตลาดฮาลาลในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีมูลค่าถึง 12,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 396,000 ล้านบาท) มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่กว่า 8 ล้านคน เชื่อว่าเป็นตลาดที่มีการขยายตัวสูงมาก ประมาณว่า ในช่วงระยะปีค.ศ. 1995 – 2006 มูลค่าตลาดสินค้าฮาลาลเพิ่มขึ้นมากว่า 70%
- ตลาดฮาลาลในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงเช่นกันเพราะชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในยุโรปกว่า 10 ล้านคนมีรายได้สูง เช่น ประเทศฝรั่งเศสประเทศเดียวมีความต้องการสินค้าฮาลาลในแต่ละปี สูงกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 429,000 ล้านบาท) ส าหรับในรัสเซีย แม้ว่าจะมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ไม่มาก แต่มูลค่าการค้าในตลาดฮาลาล เพิ่มขึ้น 30-40 % ต่อปี ทั้งนี้ เนื่องมาจากประชากรส่วนใหญ่หันมาบริโภค อาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพและถูกสุขอนามัยมากขึ้น โดยสินค้าที่ต้องการของตลาดกลุ่มนี้คือ อาหาร สำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง อาหารทานเล่น คุกกี้และลูกกวาด เนยเทียม น้ำมันประกอบอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารฮาลาลจากเอเชีย
(อ่านต่อได้ที่ บทความเรื่อง "ตลาดฮาลาล โอกาสธุรกิจไทยสู่ตลาดโลก" คลิกที่นี่ )
พบว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศส่งออกอาหารฮาลาลรายใหญ่ของโลกและเป็นที่แรกของโลกอีกเช่นกันที่มีการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับคุณภาพอาหารฮาลาลให้ถูกต้องตามหลัก (ศูนย์วิทยาศาสตร์
ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) นับเป็นตลาดที่น่าสนใจมิใช่น้อยนะผมว่า. . . .
ความโดดเด่นที่น่าจับตามองของความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลใน
อินโดนีเซียขณะนี้ คือ ผู้บริโภคในอินโดนีเซีย หันมานิยมซื้อและ
บริโภคอาหารแปรรูปที่บรรจุหีบห่อทันสมัย (Packaged Food)
มากขึ้นเป็นลำดับ เพราะมีความสะดวกและปลอดภัย ซึ่งปัจจุบัน
มูลค่าตลาดอยู่ที่ 7.6 แสนล้านบาท และคาดว่าในปี 2560 จะ
เพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนล้านบาท โดยผู้เล่นรายสำคัญ เป็นบริษัท
ท้องถิ่น ชื่อว่า Indofood Sukses Makmur ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์
อาหารแปรรูปฯในหลายประเภท นอกจากนั้นชาวอินโดนีเซียมีความต้องการผลิตภัณฑ์
อาหารฮาลาลที่สอดรับกับกระแสนิยมที่มีความเฉพาะเจาะจง
ซึ่งปัจจุบันกำลังนิยมผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นนวัตกรรมหรือ
ความแปลกใหม่ และผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะด้าน
ความสวยงามของร่างกาย อีกทั้ง “ราคา” ก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อสินค้าอาหาร
ฮาลาลของผู้บริโภคอินโดนีเซีย อย่างไรนั้นผู้บริโภคในกลุ่มชนชั้น
กลางและสูง เน้นความมีคุณภาพของสินค้า เป็นอีกหนึ่งปัจจัย
ในการเลือกซื้อ และกลุ่มผู้บริโภคที่นับถือศาสนาอิสลาม มักจะ
เลือกซื้อสินค้าอาหารที่มีเครื่องหมายรับรองฮาลาล ปรากฏอยู่
บนบรรจุภัณฑ์
ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์สินค้าอาหารฮาลาลที่แปลกใหม่ สวยงาม
1. Tropicana Oil Lip Balm Gift Set ผลิตภัณฑ์คุณภาพจากธรรมชาติเพื่อการดูแลริมฝีปาก
( ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.tropicanaoil.com/th/)
2. ผักเม็ด BioVeggie
ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์สินค้าอาหารฮาลาลที่แปลกใหม่ สวยงาม
1. Tropicana Oil Lip Balm Gift Set ผลิตภัณฑ์คุณภาพจากธรรมชาติเพื่อการดูแลริมฝีปาก
( ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.tropicanaoil.com/th/)
2. ผักเม็ด BioVeggie
( ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.bioveggieproducts.com/)
3. ผลิตภัณฑ์ลูกเดือยอบกรอบ
4. Thanthara Thai Herbal Body Scrub ผลิตภัณฑ์
ขัดผิวกาย
5. Lum Lum Organic Thai Curry Pastes ผลิตภัณฑ์น้ำพริกแกงออร์แกนิก
3. ผลิตภัณฑ์ลูกเดือยอบกรอบ
( ข้อมูลเพิ่มเติม http://thanthara-thaiherbal.com)
( ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.chitaorganicfood.co.th/)
6. Thai Rich ขนมหวานแช่แข็ง
( ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.thairichfoods.com/)
บางทีแค่การติดยี่ห้อและสัญญาลักษณ์เข้าไปก็เป็นที่ดึงดูดใจและเพิ่มความน่าซื้อได้มากทีเดียว เช่น
ปลาทูมุสลิม
ปลาทูมุสลิม
คือผมว่ามันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภค(ผลิตตามหลักฮาลาล) และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลาย เช่น คำขวัญประจำสินค้า "ปลาทูมุสลิม ปลาทูนึ่งสูตรสมุนไพร เพื่อสุขภาพ" และอีกหลายอย่าง (ตามอ่านได้ในบทความที่ผมแนะนำไว้ด้านล่าง) จัดเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว เปลี่ยนสิ่งง่ายๆให้ขายได้ดีกับลูกค้าเฉพาะกลุ่มไม่เพียงเท่านั้นแม้แต่ลูกค้าที่ไม่ได้เป็นอิสลามก็ยังศาสมารถซื้อไปลองชิมได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลยทีเดียว
(อ่านต่อได้ที่ วารสารของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พิมพ์เป็นปีที่ 57 ฉบับเดือนมีนาคม - เมษายน 2558)
ต่อไปเรามาเจาะลงอินโดนีเซียเลยดีกว่าว่ามีมูลค้าตลาดเท่าไหร่และสินค้าส่วนใหญ่ที่ผู้คนนิยมกันคืออะไร มูลค่าค้าปลีกอาหารในตลาดฮาลาล : อินโดนีเซีย
ปี 2558 มูลค่าตลาด Package food = 291.7 ล้าน IDR
Indonesia Grocery Retailers Outlets by Channel : Units 2014
พบว่าอาหารจำพวกเครื่องดื่มนั้นมีมูลค่าสูงที่สุดในกลุ่มน้ำเปล่า และชา ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นร้านค้าทั่วไป รองลงมาคือร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่เติบโตสูงสุดและมีโอกาสเติมโตมากขึ้นไปอีกในอนาคต. . . .
( ที่มา http://thehalalfood.info)
( ที่มา http://thehalalfood.info)
ข้อมูลการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลของประเทศไทยปี 2551 - 2555
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในแถบอาเซียนสูงถึง 33.6% และมีประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่เราทำการส่งออกสินค้าออกไปมาที่สุด โดยสินค้าอาหารส่งออกของไทยส่วนใหญ่เป็นอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ ซึ่งผู้บริโภคมุสลิมส่วนใหญ่สามารถบริโภคได้โดยไม่ขัดหลักศาสนา โดยมุสลิมในตะวันออกลางที่มักจะเข้มงวดเฉพาะอาหารฮาลาลที่ปรุงแต่งและมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เท่านั้น สินค้าส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ที่ส่งออกคือ ข้าว เนื่องจากประเทศมุสลิมส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ผลผลิตในประเทศส่วนใหญ่ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค สำหรับสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าส่งออกรองจากข้าว ได้แก่ น้ำตาลทราย ทูน่ากระป๋อง แป้งมันสำปะหลัง และผลไม้สด (ลำไยสด ทุเรียน เงาะ มังคุด) จะเห็นได้ว่าสินค้าส่งออกของไทยส่วนใหญ่ราวร้อยละ 80 เป็นอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติซึ่งโดยปกติไม่ต้องผ่านกระบวนการรับรองฮาลาลหรือติดเครื่องหมายรับรองฮาลาล
สัดส่วนส่งออกและอัตราขยายตัวของสินค้าอาหารส่งออกหลักของไทยไปยังประเทศมุสลิมเฉลี่ยปี 2551-2555
( ที่มา http://thehalalfood.info)
กำลังสนุกเลยแต่ผมว่าบทความมันเริ่มยาวเกินไปละ 555 ดังนั้นเอาไว้ต่อคราวหน้าดีกว่า สำหรับบทความนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการผูกปมเพื่อมองหาช่องทางทำธุรกิจดีๆสักตัวในสภาวะที่เศรษฐกิจค่อนข้างลำบากเช่นนี้ โดยส่วนตัวผมเริ่มพอใจกับการหาข้อมูลต่างๆนี้นะ เพราะจะเห็นได้ว่าตั้งแต่บทความแรกคือ My view in economic of Thailand ลากยาวมาจนถึงบทความนี้ เราได้ค่อยๆมองเห็นภาพรวมใหญ่ของโลก และมองหาแหล่งที่คิดว่าเม็ดเงินน่าจะเคลื่อนที่ (ไหล) เข้าไปในภาคส่วนไหน ประเทศไหน พอได้แนวทางเราก็เจาะลึกลงไปจนตอนนี้เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ท้ายที่สุดนี้ผมหวังว่าผมจะคิดถูก. . . .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น