กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในช่วงต่อไปนั้น ไม่รู้ทำไมผมถึงมองเห็นแต่ความว่างเปล่าในขณะที่คนใหญ่คนโต และผู้รอบรู้หลายๆท่านต่างออกมาให้ความมั่นใจถึงการฟื้นตัวของไทยในอนาคตอันสั้นนี้หลังจากที่เค้าเหล่านั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ร่างรัฐธรรมนูญผ่านแล้ว" ความเชื่อมั่นกำลังกลับมา นักลงทุนกล้าเข้ามามากขึ้น รัฐบาล(ทหาร)จะได้เดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่น และนานาความเห็น ดูจากตลาดหุ้นซิ? เห็นมั๊ยนักลงทุนเข้ามาเพียบ เลยดันตลาดพุ่งทยานอย่างร้อนแรง
ดูซิรัฐธรรมนูญผ่านปุบเปิดมาวันจันทร์ กระโดดเกิด Gap เลยทีเดียว และตั้งแต่ต้นปีตลาดทยานขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่าใจหายทั้งๆที่ผมมองไม่เห็นเลยว่าควรขึ้นเพราะอะไร? ค่าเงินบาทซ้ำร้ายแข็งมากๆ แข็งจนน่าใจหาย
ตอนนี้อยู่ที่ 34.545 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ คิดว่าไง. . .ใช่แล้วส่งออกเรามีปัญหาแน่นอน ซึ่งอย่างที่รู้ประเทศเราพึ่งส่งออกเป็นหลัก ด้านหนี้สินผมเคยอธิบายไปแล้วในบทความ "My view in economic of Thailand" ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ด้านตัวเลขหนี้ภาครัฐผมว่ายังอยู่ในช่วงปานกลางถึงน้อย จัดว่ายังกู้ยืมได้อีกมาก (44.40%) วันนี้มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมจะยกตัวอย่างที่ผมทำการรวบรวมไว้มาให้ดูว่าเหตุใดผมจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยเรากำลังเข้าสู่ช่วงถดถ้อย ผมจะย่อมาเฉพาะบางส่วนของเนื้อข่าวท่านสามารถเข้าไปอ่านรูปแบบสมบูรณ์ตามลิ้งค์ที่ผมวางไว้ให้ด้านใต้ข่าว
ข่าวที่ 1 ภัตตาคารไทยปรับตัว-คนกินนอกบ้านน้อยลง
(อ่านต่อได้ที่ https://www.yaklai.com/)
ข่าวที่ 2 ปิดกิจการ! โรงงานผลิตชุดกีฬาในอุดร พนง.กว่า 300 ชีวิตถูกลอยแพ
(อ่านต่อได้ที่ http://www.matichon.co.th/)
ข่าวที่ 3 กรุงไทยอ่วมลูกหนี้รายใหญ่ตกชั้น ธุรกิจทรุด "เหล็ก-โรงแรมภาคใต้" แบงก์จับตาใกล้ชิด
(อ่านต่อได้ที่ http://www.prachachat.net)
ข่าวที่ 4 ตะลึง!! บัณฑิตตกงาน 4 ต่อ 1 สกอ.เผยตัวเลขจบใหม่กว่าแสนคนต่อปี ว่างงาน 27%
ข่าวที่ 5 รมว.อุตฯ ชี้รถคันแรกต้นเหตุ โตโยต้า ปลดพนักงานจ้าง
ข่าวที่ 6 ม.หอการค้า ชี้น่าห่วง! ตัวเลขตกงานพุ่งทะลุ 1% -ลดลงต่อเนื่องต่ำสุดรอบ2ปี
ข่าวที่ 7 พนง.โรงงานปั่นด้ายกว่า 700 ร่ำไห้ ถูกเลิกจ้างกะทันหัน
เอาแค่นี้ก่อนนะ ยังมีอีกเยอะถ้าท่ายใฝ่รู้จริงไปหาอ่านเพิ่มเติมเอาเองนะ -..-
ที่ผมยกตัวอย่างข่าวพวกนี้มาเพราะจะชี้ให้เห็นว่า เห้ยยยย มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่หลายๆฝ่ายให้ความหวังไว้แค่คนตกงานจากการปิดกิจการมีเท่าไหร่ ตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนมีเท่าไหร่ หนี้สินรัฐบาลหละ อัตราการเกิดที่ต่ำลงและกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงไว (ประเด็นนี้เดี๋ยวมาเจาะลึกกันอีกที) ตัวเลขการว่างงานของเด็กจบใหม่ลามไปจนถึงหนี้เสีย (NPL) ของรายใหญ่ที่เริ่มมีกันให้เห็น แม้แต่โตโยต้ายังปรับลดคนงาน ราคาน้ำมันโลกถูกลง ปตท. ปรับลดคน การบินไทยขาดทุนปรับลดคน โอ้ววว อีกมากมาย ไม่ต้องว่าอะไรมากร้านขายของของผมจากเดิมยอดขายเฉลี่ยวันละ 20,000 - 25,000 ตอนนี้เหลือ หมื่นนิดๆบางวันได้ 8 พัน SME เล็กๆอย่างผมยังต้องปรับลดพนักงานเลย คนจับจ่ายน้อยลงแม้รัฐจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อจูงใจให้ใช้เงินกัน แต่ผู้คนมันเป็นหนี้สูงอะ คนเราก็ต้องใช้หนี้ก่อนถูกปะ? เเล้วจะเหลือเงินไหนมาจับจ่ายซึ่งพวกนี้จัดเป็น Productivity ที่แท้จริงของประเทศ ไอ้ตลาดหุ้นตลาดการเงินนั้นหนะเหรอถุยย "เงินเฟ้อ" ทั้งนั้น เม็ดเงินมันหนี้เข้ามาพักแค่ชั่วครู่เท่านั้นแหละสหาย มันไม่อยู่นานหรอก ตลกนะกำเนิดเซียนเพียบเลยเต็ม Facebook ผมไปหมด คนไหนๆก็ได้กำไร ตลาดแบบนี้แหละที่น่ากลัวที่สุด. . . . ชักจะยาวไปละไว้มาต่อดีกว่าจัดตอนเดียวจบคงแย่ 555 นี่เป็นแค่ที่อยากพูดประมาณ 1 ใน 5 ส่วน ไว้จะมาต่อให้เห็นถึงความเน่าของระบบเศรษฐกิจเรา ทั้งนี้การวิเคราะห์ทั้งหมดผมจัดทำขึ้นโดยความเห็นผมเท่านั้นผิดพลาดประการใดก็. . .ผิดก็คือผิดนะ มันก็จะเป็นบทเรียนให้เรา ผมไม่ใช่เทพเจ้าหรอก แต่อย่างน้อยผมกล้าที่จะอ่านและเริ่มวิเคราะห์ด้วยตนเองทั้งหมด หวังว่าใครก็ตามที่หลุดเข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้จะเริ่มพัฒนาตนเอง เขียนบทวิเคราะห์เด็ดๆมาให้อ่านกันบ้าง อย่าเอาแต่อ่านอย่างเดียวแสดงความเห็นด้วย ผมต้องการสังคมเเห่งการเรียนรู้ ^^
ข่าวที่ 1 ภัตตาคารไทยปรับตัว-คนกินนอกบ้านน้อยลง
“คนไทยเริ่มกินข้าวนอกบ้านน้อยลง เมื่อก่อนอาจจะสัปดาห์ละ 3 ครั้ง แต่ปัจจุบันอาจจะเป็นสัปดาห์ละครั้ง เพราะต้องระวังเรื่องการใช้จ่ายจากเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว แต่ถึงแม้จะกินข้าวนอกบ้านน้อยลง ส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องการเรื่องความสะดวกสบาย จึงเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปต่างๆ เข้ามากินแทน เพราะเมื่อมาถึงบ้านจะได้ไม่ต้องทำอาหารอีก ดังนั้นร้านอาหารต่างๆ จึงต้องดิ้นรนหาวิธีการลดต้นทุนต่างๆ”
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ขณะนี้ร้านอาหารริมทาง (สตรีตฟู้ด) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 50-60% รองรับพฤติกรรมของคนไทย ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนร้านอาหารภัตตาคารปริมาณไม่เพิ่มขึ้นแต่ไม่ลดลง ส่งผลทำให้ร้านอาหารภัตตาคารทั่วไปไม่สามารถปรับราคาอาหารขึ้นได้ ต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาดโดยลดต้นทุนโดยลดปริมาณวัตถุดิบเพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอด ทั้งนี้ภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในไทยในปี 2559 มีมูลค่า 669,000 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการธุรกิจอาหารกว่า 400,000 ราย โดยจากมูลค่าดังกล่าว สมาคมฯมองว่า แบ่งเป็นในกลุ่มร้านอาหารริมทางประมาณ 40% และ กลุ่มร้านอาหารภัตตาคารอีก 30% ขณะที่ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพของตนเองมากขึ้น
ด้านความร่วมมือกันระหว่างสมาภัตตาคารสมาชิกชาติอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เตรียมประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมวางมาตรฐานกลางด้านอารหารในชาติอาเซียน โดยสมาคมภัตตาคารไทยได้เสนอมาตรฐานอาหารไทย ซึ่งรวบรวมขั้นตอนการเป็นร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ มีความสะอาด ปลอดภัยให้เป็นต้นแบบการปรับใช้ในชาติอาเซียน รวมถึงให้แต่ละประเทศเสนออาหารประจำชาติ เพื่อให้เป็นเมนูสะท้อนเอกลักษณ์ประจำชาติของตัวเอง โดยสมาคมฯอยู่ระหว่างการคิดค้นเมนูใหม่ในการสร้างชื่อเสียงผ่านอาหารไทย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า
ข่าวที่ 2 ปิดกิจการ! โรงงานผลิตชุดกีฬาในอุดร พนง.กว่า 300 ชีวิตถูกลอยแพ
โรงงาน ไทย ท็อป อีเกิ้ล การ์เมนท์ ได้ปิดประกาศลงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ระบุว่า เป็นประกาศแจ้งปิดกิจการ ให้พนักงานและลูกจ้างทราบว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ให้ช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดสั่งซื้อสินค้าน้อยลง และประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ทางบริษัทฯจึงมีความจำเป็นปิดกิจการ ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ จึงขอเลิกจ้างพนักงานทุกท่าน โดยจะปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ในเรื่องค่าจ้างและค่าชดเชย
นายสุริยา ชากุทน หน.แผนกตัดผ้า เปิดเผยว่า ที่แห่งนี้เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้ากีฬา “ยี่ห้อจาโก้” ส่งออกไปยุโรปทั้งหมด โดยมาทำงานที่นี่ 2 ครั้ง เป็นครั้งแรก 3 เดือน ครั้งที่สอง 1 ปีครึ่ง ได้เงินเดือน 12,000 บาท พอใจที่โรงงานจะจ่ายเชยตามกฎหมาย และรู้สึกเห็นใจโรงงานที่มีปัญหาขาดทุน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากปัญหาค่าแรงงาน ที่ขยับขึ้นจากวันละ 180 บาทเป็น 300 บาท เงินเดือนลูกจ้างประจำก็ปรับขึ้นด้วย ขณะการผลิตสินค้าก็เป็นปกติ หลังจากนี้ไปคิดว่าจะหางานทำที่ กทม.ก่อน
นางรุ่งอรุณ แก้วสอดส่อง เปิดเผยว่า ตนแต่งงานมีลูก 2 คน มาทำงานในฐานะลูกจ้างรายวันมานาน 6 ปี เพราะเห็นว่าโรงงานอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ขี่จักรยานยนต์มาไม่เท่าไหร่ก็ได้ทำงานแล้ว เสียดายที่โรงงานนี้ต้องปิดไป ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะไปทำงานอะไร ทำที่ไหน ต้องรอคิดสักระยะ และจะไปขึ้นทะเบียนกับจัดหางาน จ.อุดรธานี โดยจะเลือกงานที่อยู่ใกล้บ้านก่อน
นางสุมิตรา วรรณษา แม่ค้าขายของชำในโรงงาน เปิดเผยว่า ภายในโรงงานมีร้านขายอาหาร 3 ร้าน ขายของชำ 1 ร้าน มีความผูกพันกับคนงาน เพราะอยู่ด้วยกันจุนเจือกันเกือบ 10 ปี ไม่มีเงินก็ติดกันไว้ก่อน เงินออกก็เอามาใช้หนี้ วันนี้ได้ไปเหมาก๋วยเตี๋ยวรถเร่ มาเลี้ยงคนงานเพื่อเป็นการขอบคุณ ในฐานะที่เป็นลูกค้าดูแลเรามาเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ บริษัทไทย ท็อป อีเกิ้ล การ์เมนท์ จำกัด เป็นนักลงทุนจากประเทศจีน โดยมาเช่าโกดังเก็บวัสดุก่อสร้างของ “โชคดีตราชั่ง” นักธุรกิจของอุดรธานี เพื่อทำการปรับปรุงเป็นโรงงาน และเปิดดำเนินกิจการมากว่า 9 ปีเศษ เพื่อผลิตสินค้าที่เป็นเสื้อผ้ากีฬา ยี่ห้อหลักคือ “จาโก้” และยี่ห้ออื่นในบางครั้ง ส่งออกไปประเทศเยอรมัน และยุโรป ขณะนี้โชคดีตราชั่งประกาศหาผู้เช่าใหม่แล้ว (อ่านต่อได้ที่ http://www.matichon.co.th/)
ข่าวที่ 3 กรุงไทยอ่วมลูกหนี้รายใหญ่ตกชั้น ธุรกิจทรุด "เหล็ก-โรงแรมภาคใต้" แบงก์จับตาใกล้ชิด
นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 คุณภาพหนี้ของสินเชื่อรายใหญ่ (มียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาท) ตกชั้นเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดมี 2-3 ธุรกิจที่มีหนี้ตกชั้นซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจเหล็กและโรงแรมในภาคใต้ โดยมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงโดยเฉพาะชาวรัสเซีย ส่งผลให้ธุรกิจดังกล่าวขาดการชำระหนี้และเกิดเป็นเอ็นพีแอล ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังต้องติดตามกลุ่มธุรกิจดังกล่าวว่าจะมีลูกหนี้รายอื่น ๆ ตกชั้นเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
สำหรับภาพรวมสินเชื่อรายใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรกพบว่า ยังไม่มีการเติบโตมากนัก เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนที่มียอดสินเชื่อรายใหญ่คงค้างอยู่ที่ 5.5 แสนล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกมีธุรกิจรายใหญ่นำกระแสเงินสดส่วนเกินมาชำระคืนเงินสินเชื่อกับแบงก์ เพราะธุรกิจเหล่านั้นยังไม่มีความต้องการขยายธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตามยังมีการปล่อยสินเชื่อใหม่บ้าง เช่น การให้สินเชื่อวงเงิน (เทอมโลน) แก่ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือ BIGC มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ธนาคารกรุงไทยมีเอ็นพีแอลรวมอยู่ที่ 94,217 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17,846 ล้านบาทจากสิ้นปีก่อน และมีเอ็นพีแอลรวมต่อสินเชื่อรวม 3.89% จากสิ้นไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ 3.70%
"ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้สินเชื่อจะโตหรือลดลงขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้จะต้องรอดูเพราะรัฐบาลพยายามกระตุ้นแต่ภาคเอกชนจะลงทุนตามหรือไม่อันนี้ต้องติดตาม เพราะปกติแบงก์มีนิวบุ๊กกิ้ง (สินเชื่อใหม่) ของรายใหญ่ ปีละกว่า 100,000 ล้านบาท แต่สุทธิแล้วก็ยังติดลบ หากเทียบกับเงินกู้ที่รอคืนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่แต่ละปีมีสัดส่วน 10% ของพอร์ตที่มีจำนวน 5.5 แสนล้านบาท ดังนั้นแม้มีเงินกู้รอเบิกอยู่ 5-6 หมื่นล้านบาทในปีนี้ แต่คงไม่ได้ทำให้สินเชื่อเติบโตได้ดังนั้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ปีนี้สินเชื่อจะติดลบหรือไม่" นายกิตติพันธ์กล่าว(อ่านต่อได้ที่ http://www.prachachat.net)
ข่าวที่ 4 ตะลึง!! บัณฑิตตกงาน 4 ต่อ 1 สกอ.เผยตัวเลขจบใหม่กว่าแสนคนต่อปี ว่างงาน 27%
นายสรนิต ศิลธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า กรณีที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า โอกาสในการหางานทำปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 25 เดือน ทั้งนี้ หากพิจารณาตัวเลขอัตราการว่างงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ยังพบด้วยว่ามีตัวเลขที่สูงขึ้นต่อเนื่องมา 5 ปี โดยปี 2554 อยู่ที่ 0.679% ปี 2555 อยู่ที่ 0.657% ปี 2556 อยู่ที่ 0.7 2% ปี 2557 อยู่ที่ 0.836% ปี 2558 อยู่ที่ 0.883% และในปี 2559 ณ เดือนพฤษภาคม อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.2% ซึ่งยอดการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น เกิดจากไม่มีการจ้างงานใหม่ ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นบัณฑิตจบที่ใหม่ ว่า ปัจจุบันมีบัณฑิตจบใหม่จากทุกมหาวิทยาลัยมีมากกว่า 1 แสนคนต่อปี อัตราการว่างงานอยู่ที่ 27% ของจำนวนบัณฑิตที่จบใหม่ในแต่ละปี สะท้อนให้เห็นว่าบัณฑิต 4 คน จะตกงาน 1 คน
(อ่านต่อได้ที่ http://www.kruwandee.com/)ข่าวที่ 5 รมว.อุตฯ ชี้รถคันแรกต้นเหตุ โตโยต้า ปลดพนักงานจ้าง
(อ่านต่อได้ที่ http://www.matichon.co.th/)
ข่าวที่ 6 ม.หอการค้า ชี้น่าห่วง! ตัวเลขตกงานพุ่งทะลุ 1% -ลดลงต่อเนื่องต่ำสุดรอบ2ปี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยในการแถลงผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2559 อยู่ที่ระดับ 71.6 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 72.6 นับว่าลดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 51.7 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 51.9 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 79.5 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 80.9 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ดัชนีปรับลด มาจากความกังวลผลการลงประชามติสหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ที่จะส่งผลต่อความผันผวนเศรษฐกิจโลก และอาจส่งผลทางลบต่อการฟื้นตัวการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
นายธนวรรธน์กล่าวว่า เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 60.6 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 61.1 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 66.5 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 67.7 ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 25 เดือนเช่นกัน และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.6 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 89.0
(อ่านต่อได้ที่ https://www.yaklai.com/)ข่าวที่ 7 พนง.โรงงานปั่นด้ายกว่า 700 ร่ำไห้ ถูกเลิกจ้างกะทันหัน
โดยทางโรงงานประกาศเลิกจ้าง โดยไม่มีการแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า ทำให้พนักงานกว่า 700 คน ทั้งชาวไทย และคนงานชาวเมียนมา ต่างรู้สึกตกใจ และเสียใจ ที่อยู่ ๆ กลายเป็นคนตกงานโดยไม่ทันตั้งตัว หลายคนยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปเพราะอายุมากแล้ว ส่วนแรงงานชาวเมียนมาส่วนหนึ่งจะเดินทางกลับไปหางานทำที่ประเทศของตนเอง สำหรับโรงงานแห่งนี้ถือว่าเป็นโรงงานปั่นด้ายขนาดใหญ่ มีคนงาน 716 คน ล่าสุดทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้เข้ามารับคำร้องของพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เพื่อช่วยเหลือประสานให้ทางบริษัทจ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้างลูกจ้าง คาดใช้เวลาพิจารณาคำร้องขอของลูกจ้างภายใน 2 เดือน
(อ่านต่อได้ที่ http://www.krobkruakao.com/ )
เอาแค่นี้ก่อนนะ ยังมีอีกเยอะถ้าท่ายใฝ่รู้จริงไปหาอ่านเพิ่มเติมเอาเองนะ -..-
ที่ผมยกตัวอย่างข่าวพวกนี้มาเพราะจะชี้ให้เห็นว่า เห้ยยยย มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่หลายๆฝ่ายให้ความหวังไว้แค่คนตกงานจากการปิดกิจการมีเท่าไหร่ ตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนมีเท่าไหร่ หนี้สินรัฐบาลหละ อัตราการเกิดที่ต่ำลงและกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงไว (ประเด็นนี้เดี๋ยวมาเจาะลึกกันอีกที) ตัวเลขการว่างงานของเด็กจบใหม่ลามไปจนถึงหนี้เสีย (NPL) ของรายใหญ่ที่เริ่มมีกันให้เห็น แม้แต่โตโยต้ายังปรับลดคนงาน ราคาน้ำมันโลกถูกลง ปตท. ปรับลดคน การบินไทยขาดทุนปรับลดคน โอ้ววว อีกมากมาย ไม่ต้องว่าอะไรมากร้านขายของของผมจากเดิมยอดขายเฉลี่ยวันละ 20,000 - 25,000 ตอนนี้เหลือ หมื่นนิดๆบางวันได้ 8 พัน SME เล็กๆอย่างผมยังต้องปรับลดพนักงานเลย คนจับจ่ายน้อยลงแม้รัฐจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อจูงใจให้ใช้เงินกัน แต่ผู้คนมันเป็นหนี้สูงอะ คนเราก็ต้องใช้หนี้ก่อนถูกปะ? เเล้วจะเหลือเงินไหนมาจับจ่ายซึ่งพวกนี้จัดเป็น Productivity ที่แท้จริงของประเทศ ไอ้ตลาดหุ้นตลาดการเงินนั้นหนะเหรอถุยย "เงินเฟ้อ" ทั้งนั้น เม็ดเงินมันหนี้เข้ามาพักแค่ชั่วครู่เท่านั้นแหละสหาย มันไม่อยู่นานหรอก ตลกนะกำเนิดเซียนเพียบเลยเต็ม Facebook ผมไปหมด คนไหนๆก็ได้กำไร ตลาดแบบนี้แหละที่น่ากลัวที่สุด. . . . ชักจะยาวไปละไว้มาต่อดีกว่าจัดตอนเดียวจบคงแย่ 555 นี่เป็นแค่ที่อยากพูดประมาณ 1 ใน 5 ส่วน ไว้จะมาต่อให้เห็นถึงความเน่าของระบบเศรษฐกิจเรา ทั้งนี้การวิเคราะห์ทั้งหมดผมจัดทำขึ้นโดยความเห็นผมเท่านั้นผิดพลาดประการใดก็. . .ผิดก็คือผิดนะ มันก็จะเป็นบทเรียนให้เรา ผมไม่ใช่เทพเจ้าหรอก แต่อย่างน้อยผมกล้าที่จะอ่านและเริ่มวิเคราะห์ด้วยตนเองทั้งหมด หวังว่าใครก็ตามที่หลุดเข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้จะเริ่มพัฒนาตนเอง เขียนบทวิเคราะห์เด็ดๆมาให้อ่านกันบ้าง อย่าเอาแต่อ่านอย่างเดียวแสดงความเห็นด้วย ผมต้องการสังคมเเห่งการเรียนรู้ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น