Always with Me

เพราะอย่างนั้นถึงได้น่าสนุก


เคียว จากการ์ตูนเรื่อง เคียวนัยตายักษ์

     ชีวิตนั้นยากนะ กว่าจะได้เกิดมา. . .และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อเกิดมาแล้ว เราต่างต้องดิ้นรนต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะมีชีวิตรอดในสภาพสังคมอันโหดร้ายเช่นปัจจุบัน บางคนพ่ายแพ้กับความยากนี้ บางคนจำใจต้องเดินไปตามทางที่เจ็บปวด บางคนตัดพ้อต่อโชคชะตา บางคนเอาชนะความยากนี้ไปได้ ในขณะที่บางคนเรียนรู้และเข้าใจที่จะอยู่กับความยากของชีวิต

     เมื่อโตขึ้นผมได้พบผู้คนมากมาย ได้รับรู้แนวคิดและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งปัจจุบันข้อมูลนั้นไร้ซึ่งพรหมแดนทำให้ทราบว่า "โลกนั้นโหดร้าย" หากแต่พอกลับมานั่งนึกคิดดีๆ กลับพบว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย โลกยังคงเป็นโลกที่สวยงาม โลกยังคงอบอุ่น เเละมนุษย์ต่างหากที่ทำให้มันโหดร้าย ผมคงไม่ใช้คำพูดของเคียวที่บอกว่า "โลกที่สกปรกโสโครก มนุษย์ที่น่ารังเกรีจ" แต่ถ้าพูดกันตามความเป็นจริงก็คงปฎิเสษคำพูดนี้ได้ยาก ผมเคยนั่งถกเถียงกับเพื่อนเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ในสังคม เรามีความเห็นไม่ตรงกัน กล่าวคือเค้ามีอุดมการณ์ที่มั่นคงมาก ว่าไม่อยากพาตัวเองเข้าไปในกระแสโลก กระแสสังคม ที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน เค้ามองว่าทำไมเราต้องบูชาเงินเหมือนดั่งเทพเจ้าเช่นนั้นหรือคนเรายอมแม้กระทั่งขายจิตวิญญาณเพื่อแลกกับเศษเงิน เค้าเกลียดการโดนเอาเปรียบจากพวกโลภมาก (ตรงนี้ผมคงจะไม่เล่าแต่บอกได้ว่าเพื่อนผมคนนี้โดนเอาเปรียบในเรื่องบางเรื่องซึ่งเค้าไม่มีแม้แต่อำนาจมากพอที่จะปฎิเสษหรือหลบหนีการโดนเอาเปรียบนั้นได้) แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เค้าก็ยอมรับว่าเงินนั้นสำคัญจริงๆ เพราะหากไม่มีมันเค้าก็คงต้องอดตาย และนี่แหละคือสิ่งที่เค้ามองว่ามันบิดเบี้ยว จากเดิมมนุษย์เกื้อกูลซึ่งกันและกัน รักกันเฉกเช่นพี่น้องครอบครัวเพื่อนฝูง แต่พอระบบเงินตรา (ทุนนิยม) เข้ามาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเราตีมูลค่าสิ่งของกันมั่วไปหมด ทำให้เราไม่ตระหนักถึงเลยว่ามีคนหลายกลุ่มโดนกดขี่และเอาเปรียบ เช่น กาแฟบางยี่ห้อแพงมากแต่เราก็ยินยอมซื้อทั้งที่ไม่มีใครทราบเลยว่าชาวสวนปลูกกาแฟโดนกลั่นแกล้งและถูกกดราคากันเท่าไหร่ (ไม่ได้มโน บอกนิดหน่อยเพื่อนผมมันมีไร่กาแฟ) หรือจะเป็นราคาน้ำมันในตลาดโลก ราคายางพารา ราคาน้ำตาล ราคาเหล็ก ราคาถั่วเหลือง พูดละอยากจะขำ คุณรู้มั๊ยว่ามันเหมือนสั่งได้ดังใจ (ต่อจากนี้เป็นเพียงประสบการณ์ของผมคนเดียวไม่มีอะไรมายืนยันอย่างหนักแน่น ได้โปรดอ่านและไตร่ตรองดูให้ดี) ที่บอกว่าเหมือนสั่งได้ดั่งใจเป็นเพราะการสังเกตของผม อย่างที่ทราบกันว่าผมชื่นชอบตลาดการเงินและเล่น Forex แม้จะเป็น Demo แต่ผมเล่นได้ 4 ปีกว่าๆ แล้วที่เล่น Demo เพราะผมต้องการพิสูจน์ทฤษฎีของผม คุณรู้มั้ยว่าปี 2010 - 2013 ราคาน้ำมันวิ่งอยู่แถวๆ 112 - 85 เหรียญ แต่ในอีก 2 ปีถัดมามันล่วงจนเตะที่ราคา 30 เหรียญ ในขณะที่ราคากำลังดิ่งเหวนั้นมีแต่ข่าวร้ายออกมาเต็มไปหมดทั้งน้ำมันจะหมดโลก พลังงานทดแทนกำลังมา รถพลังงานไฟฟ้าทางเลือกใหม่แห่งอนาคต

รูปกราฟราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2007 - ปัจจุบันที่เขียน (8/9/2016)

เคยคิดมั๊ยว่าหมายความยังไง. . . ใช่แล้วครับ ซื้อเท่ากับขาย คุณว่าปริมาณการเทขายมากขนาดนั้นใครเข้าไปซื้อกัน? นี่แหละทุนนิยม เราโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก มีแต่กองทุนแห่เข้าไปซื้อน้ำมัน เศรษฐีกักตุนน้ำมันกันเป็นว่าเล่น ราคาน้ำมันถูกกว่าถังใส่น้ำมันเสียอีก บ้าไปแล้ว แต่ที่บ้ากว่าคือถูกขนาดนั้นคนกลับกลัวและเทขายน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และเข้าสู่ช่วงที่ผมเรียกมันว่าการ เก็บของ กว่าเราจะรู้ปริมาณน้ำมันทั้งหลายก็อยู่ในมือพวกหน้าเลือดที่คอยขูดรีดพวกเรา ไอ้พวกหน้าเดิมๆ ซึ่งก็สายไปเสียเเล้วเพราะในเวลาแค่ไม่นานน้ำมันก็พุ่งทะยานกลับมายืนที่ระดับ
45 - 50 เหรียญและก็ยังคงมีพวกตกรถเข้าไปเก็บอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องว่าไรมากหรอกไม่นานราคามันก็ดีดกลับไปเหมือนเดิม แล้วหุ้นพวกพลังงานทางเลือก หุ้นค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า(ทราบกันดี) ล่วงกันเป็นทิวแถว เห้ย
แปลกมั๊ยหละ น้ำมันจะหมดโลกหนิ? พลังงานทางเลือกกำลังจะมา? รถพลังงานไปฟ้าแห่งอนาคต? เห้ยหุ้นพวกนี้มันต้องขึ้นดิวะ 555 พวกเค้าก็ยังคงไม่ทราบถึงนิทานหลอกเด็กเช่นเคย ที่จะบอกก็คือ. . .ถึงมันอาจจะฟังดูไม่เข้าท่าแต่ผมคิดว่าราคาสินค้ามันถูกกำหนดได้ด้วยคนบางกลุ่มที่มีเม็ดเงินและอำนาจทางข่าวสาร เค้าอยากจะกดราคาตัวไหน อยากจะดันราคาตัวไหน มันทำได้จริงๆแม้แต่ราคาในตลาดโลกก็ตาม ผมใช้วิธีนี้ทำกำไรมาตลอด กล่าวคือข่าวร้ายด้านไหนเยอะ เช่นเร็วๆนี้ประเด็นเรื่อง Brexit ทำให้ราคาเงินปอนด์อ่อนไปมหาศาล และอ่อนอย่างต่อเนื่อง มีแต่คนเทขาย โอ้โห้เงินเฟ้อเพียบ ตัวเลขหนี้สิน ตัวเลขคนตกงาน EUจะล่มสลาย พระเจ้า!!!การเงินโลกจะปั่นป่วน แห่กันเทขายปอนด์ ผมไม่คิดอะไรเลยครับทฤษฎีเดิม ซื้อเท่ากับขาย ถ้าคนแห่ขายกันแล้ว? ใครซื้อวะ? ใครที่มีเงินมากพอมารับปริมาณการเทขายนั้นได้? ผมไม่สนใจอะไรเลยวางโซนและไล่เก็บเงินปอนด์แบบเต็มหน้าตัก

กำไร 34.23%


และอย่างที่เห็นครับในอาทิตย์เดียวผมทำกำไรได้ราว 2000+ เหรียญ บวกไปเลย 34.23% เพราะไม่นานมันก็ดีดกลับแข็งขึ้นมานิดหน่อย 555 อ้าวเห้ยไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า ไม่ใช่แค่ตัวนี้หรอกยังมีอีกหลายตัวทั้งตลาด HK33HKD ทองคำ น้ำมัน น้ำตาล SPX500 ผมทำกำไรจากข่าวที่ผู้คนหวาดกลัวทั้งนั้น คงจะบอกทั้งหมดไม่ได้แต่ผมว่าแค่นี้ก็พูดเยอะเกินไปเเล้ว เอาเป็นว่าไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ตามนะ ผมมั่นใจว่าราคาสินค้าในตลาดสามารถถูกกำหนดได้ด้วยสิ่งลึกลับ. . .อาจจะมีพลังงานบางอย่างอยู่ก็เป็นได้ 555

รูปประกอบแสดงผลกำไรจากอีกพอร์ทหนึ่ง

ต้องขอโทษด้วยนะที่บทความผมมันไม่สนุกเหมือนคนอื่นๆเค้าแต่หากท่านทนอ่านมาถึงตรงนี้หรือมีโอกาสได้อ่านบทความอื่นๆ ผมเพียงแค่อยากนำเสนอแนวคิดที่มันเป็นความจริงกับโลกปัจจุบันแค่นั้นเอง จึงจำต้องยกตัวอย่างจากความจริงมา เลยอาจจะทำให้ดูน่าเบื่อ แต่เอาเถอะผมสนุกที่ได้คิดและวิเคราะห์ ผมก็หวังว่าท่านคงสนุกไปกับความเพ้อฝันของผมเช่นกัน ^^ มาต่อกันดีกว่า. . . อย่างที่ยกตัวอย่างไปเพื่อนผมจึงมองว่าโลกถูกทำให้บิดเบี้ยว มันมีแนวคิดเดียวกับพระเอกหนังเรื่อง Into the wild หากท่านมีเวลาว่างผมอยากให้ลองหามาดูนะครับ เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง และท่านน่าจะเข้าใจแนวคิดเพื่อนผมได้มากขึ้น

เป็นรูปจริงที่ถูกพบพร้อมบันทึกของชายในภาพจนถูกนำมาสร้างเป็นหนัง

เพื่อนผมนั้นไม่สุดโต่งเหมือนชายในภาพแต่ก็มีความมุ่งมั่นและแน่นอนในแนวทางของตน ทุกวันนี้เค้าทำสวนอยู่บนดอย พยายามจะใช้เงินให้น้อยที่สุด คือแม้จะเกลียดระบบนี้แต่มิอาจฝืนได้ ดังนั้นเพื่อให้อุดมการณ์คงอยู่จึงพยายามใช้เงินให้น้อยที่สุดและทำทุกอย่างด้วยตนเองให้โลกของเค้าน่าอยู่ (มันลึกซึงผมว่าไปดูหนังเรื่องนี้เถอะแล้วท่านจะเข้าใจแนวคิด) สุดท้ายแล้วเราหาข้อลงตัวนี้ไม่ได้เพราะผมดันเป็นพวกที่ชอบฉกฉวยผลประโยชน์ซะด้วยซิ เพราะผมเรียนรู้และศึกษาอย่างหนัก ผมเห็นอะไรหลายๆอย่างที่มันบิดเบี้ยว และผมหาผลประโยชน์จากมัน ดังนั้นแล้วแนวคิดของเราทั้งคู่ไม่ตรงกันเลย ผมบูชาเงิน แต่เพื่อนผมไม่ ผมรักระบบที่เป็นอยู่เพราะสามารถฉกฉวยได้ แต่เพื่อนผมเกลียดมัน ฟังดูเลวแต่มันคือความจริงของโลก และผมบอกเลยว่าการฉกฉวยเมื่อมีโอกาสนั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ ผมต้องอ่านข่าวทุกวัน ผมต้องนั่งดูกราฟและศึกษาทุกวัน ในขณะที่เพื่อนๆผมมีแฟนพาแฟนไปดูหนังผมยังคงนั่งอ่านและศึกษา ในขณะที่ผู้คนหลับผมก็ยังนั่งศึกษา และในขณะที่ผู้คนยังคงหลับอยู่ผมพาร่างกายให้ลุกก่อนคนอื่นเพื่อศึกษา ในวันหยุดที่คนเที่ยวผมก็ยังคงศึกษา ไม่มีวันไหนเลยที่ผมหยุด แม้กระทั่ง Blog นี้ผมทำขึ้นจุดประสงค์หลักคือเพื่อคุยกับตัวเอง และย้ำแนวคิดให้เป็นรูปเป็นร่าง เพียงแต่คิดว่ามันอาจมีประโยชน์ต่อคนอื่นจึงแบ่งปัน แต่ละบทความผมใช้เวลากลั่นกรองหลายชั่วโมงแม้จะเป็นบทความสั้นๆก็ตามทีแต่ผมใส่ใจกับมันพยายามเก็บรายละเอียด ตอนนี้ก็พาเข้าไปตี 2 ผมก็ยังนั่งเขียน และตี 5 ผมก็ต้องตื่น ดังนั้นที่ผมคัดค้านกับเพื่อนเป็นเพราะว่าระบบที่ผมเข้าใจนั้น ผมทราบดีว่ามันมีไว้สำหรับคนที่พยายาม และผมเชื่อมั่นว่าการทำงานหนักกว่าทำให้เราวิ่งนำคนอื่น ไม่ใช่ทุกคนจะประสบความสำเร็จ (ทางการเงิน) ผมก็ยัง เพียงแต่ผมเชื่อว่าผมจะไปถึงจุดที่ฝันไว้ได้ในสักวันหนึ่ง

     แม้เราทั้งคู่จะมีความคิดที่ต่างกันสุดขั่วแต่สิ่งที่เหมือนกันคือเราต่างพยายามที่จะพิสูจน์แนวคิดของตนเอง พยายามที่จะเดินไปบนเส้นทางที่เราเชื่อมั่น เราต่างโดนทดสอบกันทั้งนั้น โลกไม่เหมาะกับผู้ที่ขี้เกียจหรอกนะ แต่มันก็ไม่ได้โหดร้ายเช่นกัน เหมือนที่เคียวพูดว่า "การมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรื่องสวยงามหรอกนะ เพราะอย่างนั้นถึงได้น่าสนุกไม่ใช่หรือไง?" ค้นหาเส้นทางของท่านให้เจอ จงเชื่อมันเเละเดินตามไป ถ้าอยากไปถึงจุดสูงสุดจงพิสูจน์แนวคิดท่าน เส้นทางของท่าน หากสุดท้ายจะผิดพลาดก็จงยอมตายในเส้นทางที่ท่านเลือก


. . . . . ชีวิตท่าน ท่านเลือกเอง . . . . .

Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น