Always with Me

กว่าจะรู้ตัว. . .ก็เลิกฝัน


บทสนทนาจากเรื่อง "เคียวนัยตายักษ์"

     จากบทสนทนาเป็นตอนหนึ่งของ "ยูคิมุระ" ผู้ที่จัดว่าเป็นยอดขุนพลที่ฉลาดหลักแหลมกับ "ไทฮาคุ" ผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลมิบุ (รองจากประมุขและตัวละครลับ) กล่าวสั้นๆ ประเด็นคือไทฮาคุบอกว่า ไม่ว่าจะทำอะไรสุดท้ายก็มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น(ความตาย) เพราะคนตัวเล็กๆอย่างเราๆทำอะไรไม่ได้หรอก ขนาดตัวไทฮาคุเองก็มีความฝันที่ขัดแย้งกับแนวทางของตระกูลแต่ก็ไม่กล้าบอกใคร ยูคิมุระผู้แน่วแน่ในแนวทางจึงบอกว่าน่าแปลกนะเพราะทุกคนมีความฝัน แต่ "กว่าจะรู้ตัว. . .ก็เลิกฝัน" ไปเสียเเล้ว

     เมื่อเร็วๆมานี้ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทที่ได้รู้จักกันตอนฝึกงานขณะยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแรมปี เค้าเป็นคนที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกันกับผมนั้นก็คือ ตลาดการเงิน ตลาดหุ้น หลังจากเรียนจบเค้าเข้าทำงานเป็นโบกเกอร์ของบริษัทการเงินหนึ่งเพราะคาดหวังว่ามันจะเป็นหนทางเบิกสู่ความสำเร็จในขั้นต่อไป กลับกันกับตัวผม เพราะผมนั้นหลงทาง. . . .

     ผมจำได้ว่าในตอนนั้นช่วงเย็นหลังจากฝึกงานเสร็จเราทั้ง 2 จะต้องไปออกกำลังกาย พอตกดึกจะมานั่งคุยกันเรื่องตลาดการเงินพร้อมดูกราฟค่าเงิน และช่วยกันวิเคราะห์เพื่อหาจุดซื้อ-ขาย ตอนนั้นผมแนะนำผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความรู้ฟรีๆคือ "พี่ต้าน" จาก Mudley Group โดยส่วนตัวผมติดตามพี่ต้านมานานมากและมีความฝันอยากจะทำงานสายการเงินแบบพี่เค้าบ้าง อยากจะเติบโตไปเป็น Hedge Fund Manager ผมพยายามอย่างหนักและเชื่อมั่นในแนวทางพี่เค้า เช่น การพยายามจะ Out perform โดยการ In the zone และอ่านศึกษาหาความรู้ด้านการเงินอยู่เสมอๆ จนติดเป็นนิสัยและรู้สึกสนุกไปกับมัน นับเป็นช่วงที่มีไฟลุกโชนร้อนแรง จนกระทั่งผมเรียนจบและมุ่งมั่นเพื่อเรียนต่อ ป.โท สาขาเศรษฐศาสตร์ แต่ทว่าผมสอบไม่ติด จึงไม่สามารถเรียนต่อ ป.โท สาขานี้ได้ แต่ผมก็ไม่ท้อ ผมตั่งใจจะเป็น Full Time Trader จนเกิดมีปัญหากับที่บ้าน ความจริงแล้วผมมีปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดเพราะพ่อแม่และพี่สาวไม่ชื่นชอบอะไรแบบนี้ พวกเค้าบอกว่ามันมีความเสี่ยง มันเหมือนการพนัน แค่ฟังดูท่านๆก็พอจะทราบใช่มั๊ยครับว่าเค้าไม่ได้รู้จริงในด้านนี้เลย แต่ช่างมันเถอะเพราะเรื่องนี้จัดเป็นการแตกหักทางความคิดของผมเอามาก ไฟที่ผลักดันผมตลอด 4 ปีตลอดเวลาที่ผมได้เข้ามาศึกษาตลาดการเงินและรู้จักกับพี่ต้านผู้เป็นเหมือนต้นแบบที่ผมอยากจะเป็น มันอ่อนลงจนเกือบดับเสียแล้ว ผมไม่เคยอยากทำอะไรเลยเพราะผมวางแผนจะมาสายการเงินอย่างเดียว แต่พอวันหนึ่งคนในครอบครัวยื่นคำขาดให้เลิกมันซะเพราะมันไร้สาระ และมีความเสี่ยง ท้ายที่สุดผมแพ้และผมก็ว่างเปล่า เหมือนมันไม่เหลือสิ่งใดเลยผมพยายามคิดหาหนทางที่ทำให้ทุกฝ่ายได้เปรียบ (win-win) แต่ดูเหมือนครอบครัวจะยื่นคำขาดให้เลิกสถานเดียว ผมก็แค่นั่งเฉยๆและว่างเปล่า จริงๆนะทางที่ออกแบบและวางไว้
บูมมมม หายไปหมด 


ผมไม่ทำอะไรเลยหลังจากเรียนจบ เพราะผมไม่รู้จะทำอะไร หากอ่านบทความก่อนๆท่านจะทราบว่าผมเป็นพวกสุดโต่งมากๆ ทำอะไรแล้วทำจริงจัง ทำหนัก และผมไม่เคยวางแผนสำรองของแนวทางนี้เลย นั้นเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงยิ่งและมันทำให้ผมว่างเปล่า ไม่รู้จะเดินไปทางไหนหรือทำอะไรต่อ พ่อแม่ก็บอกว่าค่อยๆคิดไปว่าอยากทำอะไร สุดท้ายผมก็แค่วิ่งไปวิ่งมาอยู่แถวๆบ้าน บางวันก็ไปช่วยแม่ขายของ บางวันไปขับรถให้พ่อ บางวันไปตัดหญ้าที่สวน ไปคุ้มช่างต่อเติมบ้านให้พี่สาว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คนอื่นไม่ว่างที่จะทำ เวลาล่วงเลยมาเกือบปีเพื่อนผมคนที่กล่าวถึงข้างต้นก็โทรมาคุย เค้าบอกว่าเค้าหมดไฟและไม่อยากทำงานนี้เเล้ว เค้าว่ามันไม่ใช่แบบที่อยากจะทำ และเกริ่นๆว่าจะออกมาเรียนต่อหากทำงานครบ 1 ปี เราคุยกันนานและผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมแม่งไม่มีเหี้ยอะไรเลย ตั้งแต่จบมาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมขอกล่าวโทษว่าครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้เพราะผมมีไฟและแรงผลักมหาศาลในแนวทางของผม แต่พวกเค้าขัดขวางผมทุกวิถีทางไม่ให้เดินไปทางนั้น ผมค่อยๆถูกกระแสสังคมกลืนกิน เพื่อนๆผมทำงานกันหมดแล้ว บางคนไปเรียนต่อต่างประเทศ พอมองย้อนดูตัวเองก็พบว่าสิ่งที่เป็นความผิดพลาดส่วนสำคัญนี้จะเป็นอื่นไหนไปไม่ได้นอกจาก "ตัวผม

     บางคนคงเข้มแข็งพอที่จะเดินออกจากบ้านไปตามฝัน แต่ผมไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำแบบนั้นได้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็แทบจะลืมความฝันนั้นไปเสียแล้ว. . .แน่นอนผมตระหนักได้ว่าเราจะลืมไม่ได้ และใช่ครับ ผมเขียน Blog นี้ขึ้นมาเพื่อบันทึกเรื่องราวและคอยกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมยังคงอ่านข่าว และศึกษาการเงินทุกวัน ผมยังคงนั่งดูกราฟค่าเงินและซื้อ-ขาย มันทุกวันด้วยพอร์ท Demo (3 พอร์ท)




อย่างที่เห็นว่าผมก็ทำมันได้ค่อนข้างดี ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมผมยังต้องอ่านต้องศึกษาและต้องเทรด ผมจำได้ว่าพี่ปลาหมึกจาก Mudley Group เคยบอกไว้ว่า "เราชอบวาดรูปเราก็มักจะวาดมันบ่อยๆ เราชอบเล่นดนตรีเราก็มันจะเล่นมันบ่อยๆ แล้วการเทรดหละเราชอบมันจริงรึเปล่า ถ้าน้องๆต้องเทรดด้วยพอร์ทจำลอง (Demo) นานเป็นปีๆน้องๆยังจะทำมันอยู่มั๊ยเพราะมันไม่ได้เงินจริงๆ" ผมจึงได้คำตอบว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมาที่ผมล้มลุกคลุกคลานในตลาดการเงินมา ที่ผมเทรดด้วยบัญชีจำลองมาโดยตลอดไม่เคยใช้เงินจริงสักบาท แต่ผมก็ยังทำมันเสมอมา ผมคิดว่าผมรักมัน
ผมหลงใหลมัน ผมชอบมัน ต่อให้ไม่ได้เงินผมก็ยังจะเทรด ต่อให้ใครไม่อ่านผมก็จะหาข่าวมาลงใน Blog ของผม และผมจะวิเคราะห์เศรษฐกิจตามมุมมองของผมต่อไปแม้จะมีเสียงตำหนิ และวิจารณ์ ที่แห่งนี้จึงเปรียบเหมือนบ่อแห่งเปลวไฟและห่วงความคิดของผม มันจะคอยย้ำเตือนและกระตุ้นไม่ให้ผมลืมหรือหลงทาง และผมหวังว่าสักวันผมจะมีโอกาสได้เดินไปในทางที่ผมรัก แม้ว่าวันนี้หนทางจะมืดสนิทและห่างไกลก็ตาม ถึงแม้ผมจะหลงทางแต่ผมจะต้องหาทางกลับไปให้ได้ สักวันหนึ่ง

     จะว่าไปมันก็น่าแปลกจริงๆนั้นแหละที่ผมและเพื่อนในตอนนั้นมีความมุ่งมั่นมหาศาล แรงขับเคลื่อนพวกนั้นมาจากไหนกันนะ แรงผลักดันที่มากล้นเสียจนรู้สึกว่าเราสามารถทำสิ่งๆนั้นได้ บัดนี้มันหายไปไหนหมดเราต่างโดนกระแสสังคมและคนรอบข้างกลืนกิน ไฟนั้นค่อยๆมอดลง ผมว่าที่ ยูคิมุระ พูดออกมานั้น ยากแก่การหาคำตอบเสียจริง. . .ผมไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมไม่รู้หรอกว่าความแน่วแน่ของผมจะหมดไปวันไหน ผมไม่รู้หรอกว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเดินตามแนวทางที่ฝันไว้ได้หรือไม่ ผมรู้แค่ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาและคงแนวทางที่ฝันไว้ให้ดีที่สุด. . . .

"ทำไมกว่าที่จะรู้ตัว คนเราก็เลิกที่จะฝันกันนะ"
     

Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น