และแล้วก็ดำเนินมาถึงตอนจบ จากภาคต่อของเรื่อง Assassination Classroom 1 ในส่วนของภาคนี้เนื้อหาหลักยังคงเดิมนั้นก็คือการมุ่งเป้าฆ่าปีศาจที่เป็นอาจารย์ของตัวเอง แต่ในภาคนี้จะเสริมเรื่องความสามัคคี การแตกแยก ความรัก การทำงานเป็นทีม ความเชื่อใจ และอื่นๆ จึงทำให้สามารถดึงอารมณ์ร่วมของผมได้มากยิ่งขึ้นกว่าภาคแรก อย่างที่ชื่อเรื่องได้บอกอยู่แล้วว่า "ห้องเรียนรอบสังหาร" ทุกคนคงต้องทำใจ!!! เพราะท้ายที่สุดก็มีแต่
" การจากลาและความตาย "
เป็นเรื่องที่บีบหัวใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องที่สดใสมากๆในภาคแรกจะเปลี่ยนความสดใสนั้นเป็นความเศร้าแบบสุดๆ คือเศร้าแบบยิ้มได้อะ 555 ก็อย่างที่ว่าแหละครับเพราะสุดท้ายนักเรียนก็สามารถทำภารกิจได้เสร็จสิ้น เป็นฉากที่ผมแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ฉากที่ต้องฆ่าอาจารโคโระ และผู้ปิดฉากก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าหนูผมฟ้า
(ในรูป) ในภาคแรกเป็นคนที่อ่อนแอมากๆ และอย่างที่ผมเคยพูดไว้ครับ คนอ่อนแอที่สุดกลับแข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุด
(ในรูป) ในภาคแรกเป็นคนที่อ่อนแอมากๆ และอย่างที่ผมเคยพูดไว้ครับ คนอ่อนแอที่สุดกลับแข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุด
แต่การจากไปของอาจารย์โคโระก็ทิ้งบทเรียนไว้หลายอย่าง เป็นเรื่องที่ดีมากครับ ได้ข้อคิดเยอะมากๆ เยอะจนผมเอามาพูดในนี้ได้ไม่หมดเพราะมันจะเป็นบทความที่ยาวมากๆ เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสได้อ่านบทความนี้ผมอยากแนะนำให้ดูเรื่องนี้ครับ (ต้องดูทั้ง 2 ภาคนะครับไม่งั้นไม่อิน) ผมมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่เรียกน้ำตาได้แน่นอน
ความผูกพันธ์มากมายแต่สุดท้ายต้องฆ่ากัน ผมดูแล้วยังปวดใจตามเรื่องเลย เค้าทำออกมาได้เร้าอารมณ์มากๆ
ผมมีข้อแนะนำว่าถ้าใครอยากดูแบบ Dark ฉากจบแบบเศร้าๆร้องไห้ปวดใจ ผมแนะนำให้ดูถึงตอนที่ 24 ของภาค 2 ก็เพียงพอแล้วครับ เนื้อเรื่องได้จบสมบูรณ์แล้ว แต่ผู้แต่งเค้าลดความเศร้าลงด้วยการเพิ่มตอนที่ 25 เข้ามาคือจะจบสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพราะตอนที่ 25 จะบอกว่าหลังจากนั้น 7 ปี นักเรียนจากห้องเรียนรอบสังหาร กลายไปเป็นอะไรยังไงก็จะช่วยลดความ Dark ของเรื่องลงไปได้บ้าง
ความผูกพันธ์มากมายแต่สุดท้ายต้องฆ่ากัน ผมดูแล้วยังปวดใจตามเรื่องเลย เค้าทำออกมาได้เร้าอารมณ์มากๆ
ผมมีข้อแนะนำว่าถ้าใครอยากดูแบบ Dark ฉากจบแบบเศร้าๆร้องไห้ปวดใจ ผมแนะนำให้ดูถึงตอนที่ 24 ของภาค 2 ก็เพียงพอแล้วครับ เนื้อเรื่องได้จบสมบูรณ์แล้ว แต่ผู้แต่งเค้าลดความเศร้าลงด้วยการเพิ่มตอนที่ 25 เข้ามาคือจะจบสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพราะตอนที่ 25 จะบอกว่าหลังจากนั้น 7 ปี นักเรียนจากห้องเรียนรอบสังหาร กลายไปเป็นอะไรยังไงก็จะช่วยลดความ Dark ของเรื่องลงไปได้บ้าง
ทีนี้ผมจะบอกความรู้สึกและเกณฑ์การให้คะแนนของผมแบบละเอียดกัน
( ทีแรกจะไม่เขียนละ แต่อดใจไม่ไหว ของสักหน่อยละกันเนาะ ^^ )
การดู anime ของผมนั้นการให้คะแนนส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรื่องนี้เลยครับ "การสร้างอารมณ์ร่วม" คือถ้าสามารถดึงอารมณ์ร่วมไปกับตัวเนื้อเรื่องได้จัดว่าเป็น anime ระดับเยี่ยมได้เลย และเรื่องนี้ได้คะแนนในส่วนนี้เต็มเลยครับ วางโครงเรื่องได้ดีเยี่ยม ค่อยๆสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครผ่านเหตุการในเรื่องทั้งสุขทุกข์เศร้า กว่าจะรู้ตัวผมมั่นใจว่าคนดูก็หลงรักตัวละครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตัวที่รักที่สุดดันกลายเป็นอาจารย์โคโระ เพราะเรื่องทำมาได้ดีเยี่ยมอาจารย์โคโระเลยมาอยู่ในใจเป็นที่เรียบร้อย และผู้เขียนก็จัดการทำลายมันทิ้งด้วยฉากจบโครตเศร้า เป็นการฆ่าไปพร้อมรอยยิ้มและน้ำตาดังนั้นคะแนนในส่วนนี้คงต้องให้เต็มไปเลยครับ ส่วนด้านความแปลกใหม่คงไม่ต้องพูดถึงเลย ห้องเรียนรอบสังหาร ,อาจารย์ปีศาจที่มีจุดหมายคือทำรายโลก ,การเฉลยความหลังของโคโระ ,การหักมุมในตอนจบ (เพราะไม่คิดว่าจะฆ่าจริงๆ) ,ความสัมพันธ์ของตัวละคร ,ความสามารถของตัวละคร โอ๊ยยยเยอะครับจัดว่าเดินเรื่องด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่
2. ความสมจริงของบทตัวละคร และการเลือกใช้ตัวละคร ( 3 คะแนน )
ความสมจริงในที่นี้ผมยกตัวอย่างง่ายๆเลยคือ Re Zero ที่โด่งดังมากในปีนี้ (2016) ที่ผมไม่ชอบเลยคือความรังเลของตัวละครที่ดูแล้วขัดใจและอย่างที่ทุกท่านรู้ครับผมเกลียดที่สุดแบบอยู่ดีๆก็เก่งได้ในตอนเดียว พระเอกแม่งตรัสรู้เพราะเรมมาพูดในตอนเดียว หรือจะ Fate Stay Night Ultimate Blade Works (วิจารณ์ไว้แล้ว)
,Tokyo Ravens และอีกหลายๆเรื่องคือมันไม่โอเค อยู่ๆคนกากๆเก่งขึ้นแบบเป็นเทพ บางเรื่องยืมพลังคนอื่น บางเรื่องมีพลังแฝง ขอโทษเถอะ ค_ย ครับ
เรื่องนี้ใช้เวลาผูกเรื่องนานมากๆ 2 ภาค โครตสมจริง เด็กๆค่อยๆเก่งขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เก่งผ่านการฝึกฝน เก่งเพราะถูกปลุกให้เชื่อในตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ จากที่ถูกมองว่าไม่เอาไหนเป็นแค่กากเดนสังคม ถูกกดให้อยู่ชนชั้นล่างสุดและถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าพยายามและทุ่มเทกับมันเราก็สามารถขึ้นไปยืนได้อย่างเต็มภาคภูมิ สอนให้รู้ว่าชายผู้เก่งกาจไม่เคยพ่ายแพ้และมั่นใจในความสามารถ ก็สามารถที่จะพ่ายแพ้ได้เช่นกัน ไม่มีอะไรที่มั่นคงถาวร ในด้านตัวละครจัดได้ว่าเป็น anime ที่ใช้ตัวละครมากที่สุดที่ผมเคยดู ถ้านับแค่นักเรียนในห้องก็มี 28 คนเข้าไปแล้วยังไม่รวมตัวละครสำคัญอื่นๆ และผมทึ่งในความสามารถของผู้เขียนมากเพราะไม่น่าเชื่อว่าตัวละครทุกตัวมีบท และเด่นตลอดทั้ง 2 ภาคอาจจะมีตัวหลักประมาณ 10 ตัวแต่ตัวอื่นๆก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ตัวละครแต่ละตัวมีความโดดเด่น ลักษณะนิสัย ความชอบ และความสามารถที่ล้วนแตกต่างกัน แต่ผู้เขียนก็วางมันลงตัวได้อย่างแนบเนียนผมให้คะแนนส่วนนี้เต็ม
3. ภาพ เสียง ( 1 คะแนน )
ภาพประกอบและฉากต่อสู้ทำออกมาได้ดีครับ ดูง่ายไม่เวียนหัว ลายเส้นแลพสีสวย ด้านเสียงทั้งเพลงปรพกอบและเสียงพากษ์เร้าอารมณ์ได้ดียิ่ง ส่วนนี้ผมให้เต็มครับ
( เป็นภาพการสังหารที่เศร้าและงดงามในเวลาเดียวกัน T_T )
4. การเรียบเรียงเนื้อเรื่อง ( 1 คะแนน )
การเรียบเรียงเนื้อเรื่องทำได้ดีครับไม่สับสนและไม่งง ค่อยเป็นค่อยไปสร้างอารมณ์ร่วมให้เราเดินทางและเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร ผมให้คะแนนในส่วนนี้เต็มครับ
5. ลักษณะนิสัยและความโดดเด่นของตัวละคร ( 1 คะแนน )
ตัวละครหลายหลายและมีความโดดเด่นต่างกันออกไป โดยเฉพาะด้านความสามารถมันหลากหลายมากๆแต่เมื่อรวมกันเป็นทีมสังหารแล้วความสามารถของทุกคนมีประโยชน์ตามสถานะการที่แตกต่างกันออกไปเรียกได้ว่าไม่มีความสามารถไหนเลยที่ไม่จำเป็น และตัวละครที่ผมชอบที่สุดคือ อาจารย์บิทช์ ครับ น่ารักแต่แอบโหด 555 ผมให้คะแนนเต็มไปเลย ^^
หลักๆก็ประมาณนี้ครับ แต่มันยังแยกย่อยออกไปได้อีกมากในแต่ละหัวข้อ แต่เรื่องนี้ทำได้ดีจริงๆ เหมาะสมแก่การให้คะแนนเต็มที่ 10/10 ครับ และเป็น Anime อีกเรื่องที่อยู่ในใจผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้มอบอารมณ์ที่หลากหลายให้ผมจริงๆ และผมไม่ได้ดู anime แนวเศร้าๆตอนจบแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน เรื่องนี้ให้ในสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆครับ ยังไงก็อยากให้ทุกท่านดูนะครับ
. . . . งั้นผมขอลาจากกันด้วยรอยยิ้มของห้องเรียนนี้ดีกว่า . . . .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น