Always with Me

คน 3 ประเภท

     
     วันนี้ก็มาบ่นเรื่อยเปื่อยอีกตามเคย พอดีไปเจอคำพูดของตัวละครที่ผมชื่นชอบตัวหนึ่งเข้าคือ เรียวกิ ชิกิ จาก Kara no Kyoukai เป็นตอนที่นางเอกพูดกับพระเอกในตอนจบ เพราะว่าพระเอกนั้นเป็นพวกรักสงบและอยู่อย่างธรรมดาไม่ต้องการที่จะแย่งชิง หรือโดดเด่นใดๆเลย ซึ่งนับเป็นสิ่งที่แปลกมากจากสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน



A: เธอมิอยากได้วันพรุ่งนี้ที่สนุกกว่าวันนี้บ้างหรืออย่างไร ?
B: ที่เป็นอยู่ก็สนุกแล้ว ดังนั้นแค่นี้ก็เพียงพอ. . . . .
A: เพราะไม่ทำร้ายใคร ตนเองจึงไม่เจ็บปวด
    เพราะไม่ได้แย่งชิงสิ่งใดจากคนอื่น จึงไม่ได้อะไรมาเลย
    เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายประหนึ่งหลอมร่วมไปกับกาลเวลา
    เช่นนั้นแล้วเธอจะใช้ชีวิตแบบธรรมดา และจะตายจากไปแบบธรรมดา . . . 

    ผู้คนส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตธรรมดานั้น เป็นเพราะพวกเขาอยากที่จะพิเศษแต่ทำไม่สำเร็จต่างหาก จึงจำต้องใช้ชีวิต               แบบเรียบง่ายธรรมดา เพราะฉนั้น การตั้งใจที่จะเป็นคนธรรมดาตั้งแต่แรกนั้น. . .
    จึงเป็นสิ่งที่ยากเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับฉันแล้ว จิตใจแบบนั้นกลับเป็นสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าใคร เป็นสิ่งที่พิเศษมาก. .              "จนมิอาจจับต้องได้"

ฟังดูแปลกๆแต่มานั่งนึกคิดดีๆมันก็จริงอย่างที่ชิกิพูดนั้นแหละ "การตั้งใจที่จะเป็นคนธรรมดาตั้งแต่แรกนั้น เป็นสิ่งที่ยากเหนือสิ่งอื่นใด" แน่นอนว่าเราหลายคนถูกหล่อหลอมมาให้นึกคิดและมีความฝัน บางคนฝันไว้ยิ่งใหญ่ บางคนฝันแบบพอดีๆ บางคนไม่แม้แต่จะกล้าฝัน ซึ่งคนทั้ง 3 ประเภทนี้ผมว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างน่าสนใจคือ



- คนประเภทที่ 1 ฝันใหญ่ ฝันไกล และพยายามที่จะก้าวไปให้ถึง
     
     ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเราๆแทบทุกคนต้องเคยมีความฝันที่อยากจะเป็นนูน อยากที่จะเป็นนี่ อยากจะทำอันนั้น หรือแม้กระทั้งอยากจะได้อันนี้ ซึ่งไม่แปลกหรอกเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่โลภ คนที่ไม่โลภต่างหากที่ผิดไปจากธรรมชาติ!!! พอมามองย้อนดูความใฝ่ฝันที่ผ่านๆมาของผมแล้ว ผมว่าค่อนข้างที่จะน่าขบขันเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะมั่นช่างเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน กว่าจะรู้ตัวเราก็ติดกับเข้าให้จังๆ บางคนถึงขั้นหลงทางไปในความฝันแสนสวยงานนั้นเลยก็ว่าได้ มาวันนี้ผมเติบโตขึ้น ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาค่อยๆสอนและชี้ให้ผมมองเห็นภาพของโลกแห่งความจริงที่แสนโหดร้ายใบนี้ 


" โลกที่พยายามขายตัวเองทั้งพร่ำบอกว่ามันสวยงาม และปลอดภัย "

แน่นอนว่าพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ย่อมฝันอยากที่จะร่ำรวย มีเงินทองและชื่อเสียง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นและผมก็เพ้อฝันไว้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน เพราะมักจะอ่านและดูรายการขายฝันบ่อยๆ ทว่าโชคดีที่มีพ่อแม่และเพื่อนๆที่ดีคอยให้คำแนะนำอยู่เสมอๆทำให้ผมไม่หลุดไปเยอะและไม่หลงทางไปในความเพ้อฝันนั้น ผมค่อยๆปรับลดแนวคิดลงมา พยายามที่จะประยุกค์ให้เข้ากับตัวเองและมองหาความเป็นไปได้สูงสุดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่พยายามมโน และนั้นทำให้ผมกลายไปเป็นบุคคลประเภทที่ 2



- คนประเภทที่ 2 ฝันแบบอยู่ในความเป็นจริง พอดีตัว

     กว่าจะมาเป็นบุคคลประเภทที่ 2 ผมว่าส่วนใหญ่แล้วคงต้องผ่านการเป็นนักช่างฝัน (Dreamer) หรือบุคคลประเภทที่ 1 มาเสียก่อน แต่พอเติบโตขึ้นต่างรู้ว่ามันยาก มันเพ้อฝัน จึงค่อยๆปรับลดลงมาให้มีขนาดพอดีกับสถานะและความสามารถ แน่นอนพวกเราคงเป็นเพื่อนกันเพราะต่างโดนโลกและสังคมหลอกเอาซะหัวหมุน บางคนกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็ปาเข้าไปครึ่งชีวิต บางคนตอนแก่ บางคนโชคดีคิดได้ตอนหนุ่มๆ ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ " กว่าจะรู้ตัว. . .ก็เลิกฝัน " เราลืมความฝันในวัยเด็กไปสิ้น ลืมแม้กระทั้งความมุ่งมั่นที่เคยร้อนแรง 


" คำว่าประสบการณ์นี่ช่างน่ากลัวเสียจริง "

หากไม่มีประสบการณ์บางทีเราอาจจะคงความมุ่งมั่นนั้นไว้ได้ ประสบการณ์ที่ว่านี้ล้วนมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนเรียนรู้จากกระแสสังคม บางคนเรียนรู้จากคนสนิทใกล้ตัว บางคนเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น บางคนเรียนรู้โดยร่างกายของตน แต่ไม่ว่าจะเรียนรู้ในแบบไหนๆ นั้นต่างเป็นประสบการณ์ถึงมันจะน่ากลัวแต่มันก็สวยงามในตัวของมันเอง



- คนประเภทที่ 3 ไม่กล้าที่จะฝัน

     สำหรับคนประเภทสุดท้ายผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นแบบนี้เลยส่วนใหญ่น่าจะจำเป็นที่จะต้องผ่านขั้นที่ 1 และ 2 ตามลำดับ แต่เมื่อทำไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ คนประเภทนี้ก็กลายเป็น พวกขี้แพ้ (Loser) ผมว่าตอนนี้อารมณ์ของผมกำลังอยู่ในสภาวะนี้เลยหลังจากที่ผ่านมาทั้ง 2 แบบ ในช่วงชีวิตของผมค่อนข้างที่จะไปได้สวย ผมเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ ไม่มีสิ่งไหนที่ผมอยากได้แล้วไม่ได้ทั้งพ่อและแม่มักจะจัดหามาให้ทุกอย่างตามที่ผมต้องการ หรือแม้กระทั่งการสอบเข้าที่ต่างๆ ผมไม่เคยพลาดเลย เรียกว่าเรียนดี (พอถูไถ) กีฬาเก่ง (เกมส์ก็เล่นการ์ตูนก็อ่าน) มีเงิน. . . . ชีวิตพวกนี้มันหลอกให้ผมคิดว่าตัวเองเก่ง (ตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าตัวเองเก่ง) ดังนั้นพอโตขึ้นผมเริ่มอยากได้ของที่ใหญ่และยากขึ้น เริ่มต้องออกแรงเองและคุณรู้มั๊ยผมพลาดแทบทุกอย่าง!!! จากที่อดีตได้ทุกอย่างตอนนี้มันเริ่มไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน 


" อดีตที่ดีมิสามารถชี้วัดว่าอนาคตจะดีสดใสเช่นกัน "

อย่าปล่อยให้ความสวยงามในอดีตปิดตา และอย่าปล่อยให้ความผิดพลาดในอดีตคอยฉุดรั้งคุณไว้ มิฉะนั้นก็ยากที่จะก้าวเดินต่อไปได้จะเป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้ และคงน่าเสียดายหากต้องใช้ชีวิตในส่วนที่เหลือเยี่ยงคนตายแบบนั้น


via GIPHY

     ที่ผมมาเขียนบทความนี้หลักๆแล้วก็เพื่อเตือนสติตัวเอง และดึงตัวเองให้รีบลุกขึ้นจากความผิดหวังซึ่งผมคงจะไม่บอกคุณว่าเรื่องอะไร? แค่อยากชี้ให้เห็นว่าค่อยๆนั่งคิดพิจารณามองตัวเองดีๆ ค่อยๆพูด ค่อยๆเดิน ชีวิตมันสั้นจงเลือกเดินในทางที่มั่นคง แม้จะใช้เวลามากหรือระยะทางยาวไกล แม้ว่าจะดูไม่สวยหรู แต่หากมันมั่นคงผมว่าก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด เพราะชีวิตวัดกันที่ระยะยาวมิใช่ระยะสั้นคุณก็จงเลือกเอาว่า

จะนอนขี้เกียจอยู่บ้าน หรือจะลุกขึ้นมาออกกำลังกาย

จะอ่านหนังสือหาความรู้ หรือจะดูละครเล่น Facebook
จะใช้เงินที่หามาไปกับเหล้าบุหรี่ หรือจะอดออมไว้เพื่ออนาคต
จะเป็นคนที่ไม่สนโลก หรืออยากที่จะแบ่งปัน
จะเริ่มทำดีกับคนรอบข้าง หรือจะปล่อยผ่านอย่างเคย

ไม่มีใครบอกว่าห้ามที่จะฝัน "คุณฝันได้" เพียงแต่ต้องรู้ขอบเขต กำลัง และความสามารถของเราที่จะทำตามฝันฟังดูเหมือนจะง่าย หากแต่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดเพราะขอบเขตที่ว่ามันจับต้องไม่ได้เมื่ออยู่ในความฝัน ผมจึงตระหนักถึงวิ่งที่ ชิกิ พูด ที่ว่า " การตั้งใจที่จะเป็นคนธรรมดาตั้งแต่แรกนั้น. . .จึงเป็นสิ่งที่ยากเหนือสิ่งอื่นใด " ผมรู้จักคนๆหนึ่งเค้าเป็นแบบที่ชิกิพูดนี่แหละ และผมก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจความคิดของเค้าได้ เค้าไม่ต้องการสิ่งใด ไม่เอาจากใคร ขออยู่อย่างสงบๆ (ไม่ใช่พระนะ -..- ) ดังนั้นแนวคิดแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผม ยากเสียจน 


" มิอาจจับต้องได้

     คนทั้ง 3 ประเภทนั้นมันวนเวียนเป็นวัฎจักรในตัวเรา ทุกประเภทมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นหากเข้าใจถึงตัวเองอย่างถ่องแท้ผมว่าเราจะสามารถรับมือกับอารมณ์ที่แปรปรวน และเลือกใช้ความเข้าใจนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแต่สถานะการไป ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกขี้แพ้ในตอนนี้ แต่นั้นแหละ พอผมรู้ตัวอยู่ๆมันก็มีสิ่งกระตุ้นให้ต้องรีบเดินออกจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ หวังว่าผมจะมีโอกาสได้เล่าถึงแนวคิดที่ผมวางโมเดลไว้ให้ได้ฟังกัน เพราะรอบนี้มันล้มเหลวแต่รอบหน้าผมจะพยายามทำมันให้สำเร็จ ขอให้ท่านมีความสุขกับการใช้ชีวิตครับ



. . . . . ชีวิตท่าน ท่านเลือกเอง . . . . .

Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น