Always with Me

Sakamoto Desu Ga


เรื่องนี้บอกก่อนว่าผมไม่คิดจะดูเลยนะ แต่เพื่อนผมมันแนะนำอยู่นั้นแหละ อีกอย่างนัก Review ที่ผมตามเค้าก็แนะนำจึงได้ลองหยิบมาดู สำหรับเรื่องนี้จัดเป็นอีกเรื่องที่มีเสียงพูดถึงในปี 2016 นี้ ออกแนวคลายเครียด เบาสมองครับ ไม่มีแก่นสารของเรื่องที่แน่นอนเเบ่งเป็นตอนสั้นๆไป ช่วงแรกนี่ฮามากครับผมชอบที่สุดตอนมันดับไฟในห้องวิทยาศาสตร์ แนะนำต้องดูครับฮาแบบสุดๆ แต่พอเดินเรื่องถึงกลางๆผมว่าน่าเบื่อเลยหละ ไม่ฮาเลยแต่ผมก็ดูจนจบและมันเริ่มพีคในตอนท้ายๆครับ พอมองย้อนดูเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆเพราะในความไม่มีแก่นสารนั้นแฝงไปด้วยเรื่องราวดีๆที่คนดูต้องคิดให้ออกเอง ถ้าใครดูไม่จบจะนึกไม่ออกแน่นอนเชื่อผม ผมพึ่งมาเอะใจตอนที่คุณแม่ของเพื่อนที่ชอบซากาโมโต้ปลอมตัวมาที่โรงเรียนและซากาโมโต้ก็ทำอะไรบางอย่างที่แปลกๆให้คุณแม่คิดได้ ในวินาทีนั้นพีคจริงๆและผมก็เริ่มมองกลับในตอนเก่าๆ และทุกๆตอนที่ซากาโมโต้นำเสนอจนได้พบกับสิ่งที่เป็นหัวใจของเรื่องครับ. . .ซากาโมโต้ชี้ให้เห็นถึงการกดขี่ที่เกิดในสังคมโรงเรียน ในเรื่องจะเป็นการที่ซากาโมโต้ช่วยเด็กคนหนึ่งที่โดนรังแกโดยการพาไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน (Part time) สอนให้รู้ว่าเงินนั้นหายาก กว่าจะหามาได้ยากขนาดไหน พอเด็กคนนั้นโดนรังแกจากพวกในโรงเรียนโดยการมาไถ่เงิน เค้าก็ปกป้องสุดชีวิตแต่สิ่งที่ซากาโมโต้สอนไม่ใช่การปกป้องเงินหรอกนะ แต่เราต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง. . . เค้าสอนให้เห็นถึงการที่ต้องลุกขึ้นมาสู้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซากาโมโต้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งกันของเพื่อนสนิทที่ต้องเปิดใจ สอนให้เห็นถึงความพยายามในการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีประโยชน์ต่อส่วนรวม สอนให้เห็นถึงการเปิดใจคุยในสิ่งที่ติดค้างเพราะหากไม่ได้พูดคุยก็ย่อมไม่มีวันได้เข้าใจ และที่ผมชอบที่สุดคือปัญหาในครอบครัว ซากาโมโต้ชี้ให้เห็นถึงครอบครัวปัจจุบันที่ห่างเหินกัน แท้จริงแล้วครอบครัวคือความสุขที่สุดที่เราๆหาได้ไม่ยาก และชี้ให้เห็นถึงการใช้เวลาและให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว อีกตอนที่ชอบเป็นตอนที่ครอบครัวที่มีพ่อกับลูกชายอยู่ด้วยกัน คนพ่อนั้นเหงาและต้องการใครสักคน ในเรื่องพูดถึงการนัดเจอกับหญิงสาว (ดูตัว) ประมาณว่าอยากแต่งงานใหม่งี้มั้ง แต่สุดท้ายแล้วซากาโมโต้ชี้ให้เห็นว่าในส่วนที่ขาดหาย (ความเหงา ความอบอุ่น) ไม่ต้องไปหาไหนไกลหรอก เท่าที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ผมชอบมาก โดยจบตอนเป็นภาพที่พ่อเดินคุยไปกับลูกชาย หัวเราะไปด้วยกัน และตอนนั้นส่วนที่ขาดหายได้ถูกเติมเต็มลงไปแล้ว แม้กระทั่งตอนที่ไอ้ตัวโจ๊กผมทองถอดเสื้อวิ่ง ผมดูนี่ไม่ฮาเลยสักนิดเดียวแต่ท่านครับมันโครตหล่อเลยฉากนั้น ผมขอเรียกว่าไอ้โจ๊กละกันนะ ไอ้โจ๊กมันจะแกล้งซากาโมโต้ในงานกีฬาสีแต่มีส่วนพลาดทำให้หนึ่งในผู้แข่งซึ่งเตรียมตัวมาอย่างดีต้องผิดพลาดในการแข่ง เหมือนเป็นตัวถ่วงทำให้ต้องอับอาย ถ้าท่านดูถึงตอนนี้นะผมว่าท่านคงคิดเหมือนกันว่าไอ้โจ๊กแม่งโครตหล่อ เป็นตอนเดียวที่ซากาโมโต้ด้อยกว่าตัวละครประกอบ กว่าผมจะถึงบางอ้อ ก็เล่นเอางงอยู่เหมือนกันว่ามันถอดเสื้อวิ่งทำไม เชื่อผมท่านต้องลองสัมผัสเรื่องนี้ดู ยิ่งในตอนจบซากาโมโต้เป็นตัวแทนขึ้นไปพูดบนเวทีนั้นเป็นอีกหนึ่งบทที่ยอดเยี่ยม ตอนนั้นพูดถึง"การหลงทาง" ซากาโมโต้ชี้ให้เห็นถึงการเชื่อในตัวเอง และที่พีคมากเค้าบอกว่า "ถ้าหลงทางจนไม่แม้กระทั่งจะสามารถเชื่อในตัวเองได้ก็จง. . .เชื่อในเพื่อน" ใช่ครับไม่ใช่แค่เพื่อนแต่หมายรวมถึงคนรอบตัวที่อยู่เคียงข้างเราทั้งพ่อแม่พี่น้องหรือคนอื่นๆด้วย . . .เนื้อเรื่องพยายามสร้างภาพลักษณ์ของซากาโมโต้ให้ดูเท่ สงบ สุขุม และฉลาด เรียกได้ว่าเป็นยอดมนุษย์เลยก็ว่าได้ สุดท้ายเค้าก็ลาออกเเละเลือกที่จะเดินตามความฝันและลากันด้วยตอนจบที่ซากาโมโต้ร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา จะเป็นยังไงต้องดูเพราะไอ้แม่งนี่ไว้ลายไม่ยอมให้ภาพลักษณ์หลุดเลยแม้แต่น้อย ขนาดจะร้องไห้ก็ยังมีสไตล์ 555 ตั้งแต่ดูการ์ตูนมาเรื่องนี้แฝงขอคิดไว้เยอะมากๆ น้อยเรื่องนักที่จะแฝงข้อคิดไว้มากขนาดนี้ มีอีกเรื่องคือ "เคียวนัยตายักษ์" ที่แฝงข้อคิดดีๆไว้เยอะเช่นกัน บางกระแสก็บอกว่าซากาโมโต้ตายนะ เพราะมันจะมีอยู่ตอนหนึ่งที่เพื่อนๆพูดถึงตอนไปเที่ยวทะเลแล้วซากาโมโต้กระโดดไปที่น้ำลึกๆและไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย แต่ตอนนั้นก็จบอยู่แค่นี้ 555 ว่ากันไปหลายมุม ผมว่าถ้าซากาโมโต้ตายคงจบไม่สวยแน่นอน ให้มันจบแบบที่ควรจะเป็นคือเลือกเดินตามความฝันดีกว่าครับ ^^ สำหรับเรื่องนี้ผมให้คะแนนที่ 8/10 ถ้าอยากมองหาความสนุกผมไม่แนะนำ ถ้าถามถึงความฮาก็มีบ้าง แต่ถ้าอยากได้ความแปลกใหม่ผมแนะนำครับ ได้อะไรเยอะจากเรื่องนี้ มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูกต้องสัมผัสด้วยตัวท่านเอง. . .

Kingveggie

I'm a Dreamer who try something new. Such as write this Blog. ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น